xs
xsm
sm
md
lg

SCC หั่นเป้ายอดขายปีนี้โตแค่ 3-5%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ปูนซิเมนต์ไทยหดเป้ายอดขายปีนี้โตเหลือ 3-5% จากปีก่อนมียอดขาย 4.23 แสนล้านบาท หลังตลาดปูนซีเมนต์ครึ่งปีแรกติดลบ 7% และราคาปิโตรเคมีไม่ขึ้นดังที่คาดการณ์ไว้ ส่วนผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกมีกำไร 3.06 หมื่นล้านบาท โตขึ้น 4%

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) เปิดเผยว่า บริษัทปรับลดเป้ายอดขายปีนี้โตลงเหลือ 3-5% จากเดิมที่เคยตั้งเป้ายอดขายโต 5-10% จากปีก่อนที่มียอดขายรวม 4.23 แสนล้านบาท เนื่องจากครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้โตเพียง 3% ขณะที่ตลาดปูนซีเมนต์ก็หดตัวลงและราคาน้ำมันไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นดังที่คาดการณ์ไว้ทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีไม่ได้ขยับเพิ่มขึ้นตาม แต่ประเมินสถานการณ์ในครึ่งหลังปีนี้ความต้องการใช้ปูนน่าจะกระเตื้องขึ้นบ้างไม่มาก และธุรกิจปิโตรเคมีไม่น่าจะดีเท่ากับครึ่งปีแรกเนื่องจากมีกำลังการผลิตใหม่จากสหรัฐฯ เข้ามากดดันมาร์จิ้นลดลง แต่ครึ่งปีหลังนี้บริษัทจะรับรู้รายได้จากโรงปูนซีเมนต์ในเวียดนามที่เพิ่งซื้อมา

สำหรับผลการดำเนินงานบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 2/2560 มีรายได้จากการขาย 108,825 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสำหรับงวด 13,252 ล้านบาท ลดลง 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ ประกอบกับสภาพตลาดชะลอตัว และการแข่งขันโดยรวมในธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่รุนแรงมาก ส่วนงวด 6 เดือนแรกปีนี้บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 225,093 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% และมีกำไร 30,638 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4%จากช่วงเดียวกันของปี โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 8.50 บาท กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 ส.ค.นี้

นายรุ่งโรจน์กล่าวต่อไปว่า ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศช่วงครึ่งปีแรกนี้พบว่ามียอดการใช้โตลดลง 7% เนื่องจากตลาดไม่โตอย่างที่คาดการณ์ไว้และฤดูฝนมาเร็ว คาดว่าครึ่งปีหลังนี้การใช้ปูนน่าจะกระเตื้องขึ้นเป็นผลจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ แต่ไม่แน่ใจว่าการลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยของภาคเอกชนจะเพิ่มขึ้นได้มากแค่ไหน แต่เชื่อว่าทั้งปียอดการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศก็โตติดลบ

ส่วนตลาดปูนซีเมนต์ในอาเซียน พบว่าไม่โตอย่างที่คาดการณ์ไว้เนื่องจากการแข่งขันสูงเพราะมีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาทำให้ราคาปูนปรับลดลง รวมทั้งบางตลาดโตลดลง ทำให้ยอดการใช้ปูนในครึ่งปีแรกของเวียดนามและพม่าโต 0% กัมพูชาโต 5% อินโดนีเซียโตติดลบ 2% และไทยโตติดลบ 7% หรือคิดเป็นปริมาณปูนที่ลดลงไปในตลาดไทยปีนี้ 2 ล้านตัน

สำหรับโครงการปิโตรเคมีครบวงจร (LSP) ประเทศเวียดนาม มูลค่าเงินลงทุน 5.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1.88 แสนล้านบาท โดยบริษัทถือหุ้นอยู่ 71% และปิโตรเวียดนาม 29% นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับสถาบันการเงินไทยและต่างประเทศเพื่อจัดหาเงินกู้ โดยจะเน้นกู้เป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ และมีระยะเวลาการคืนหนี้ยาว คาดว่าจะมีความชัดเจนในปลายปีนี้

ทั้งนี้ โครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่เวียดนามมีกำลังการผลิตโอเลฟินส์ 1.6 ล้านตัน/ปี ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปีครึ่ง คาดว่าจะผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 25651 ส่วนโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์แห่งที่ 2 ที่อินโดนีเซียนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา คาดว่าจะมีความชัดเจนในปีหน้า
กำลังโหลดความคิดเห็น