ปูนซิเมนต์ไทยศึกษาลงทุนในโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ที่อินโดนีเซีย คาดได้ข้อสรุปกลางปี 61 ส่วนโครงการปิโตรเคมีครบวงจรที่เวียดนามมั่นใจมีข้อสรุปชัดเจนกลางปีนี้ คาดผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 65 โดยบริษัทฯ ถือหุ้นใหญ่ 71% หลังหาพันธมิตรใหม่ไม่ได้
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ ร่วมกับพันธมิตร คือ พีที จันทรา แอสซรี ที่ปูนซิเมนต์ไทยถือหุ้นอยู่ 30.5% ได้ศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์แห่งที่ 2 ที่อินโดนีเซีย คาดว่าจะได้ข้อสรุปในกลางปี 2561 เนื่องจากอินโดนีเซียมีศักยภาพและมีการเติบโตของการใช้เม็ดพลาสติกเพิ่มขึ้นในแต่ละปี และจันทรา แอสซรีก็เป็นบริษัทผู้ผลิตปิโตรเคมีรายเดียวของประเทศ
ส่วนโครงการปิโตรเคมีครบวงจรแห่งแรกในเวียดนามตั้งอยู่ในจังหวัดบาเรียหวุงเต่า ก็มีความคืบหน้าไปมาก คาดว่าจะสรุปทั้งมูลค่าการลงทุนและกำลังการผลิตในกลางปีนี้ โดยบริษัทฯ ได้ตัดสินใจเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในโครงการนี้เป็น 71% โดยเข้าไปถือหุ้นแทนกาตาร์ที่ถอนตัวไป ส่วนหุ้นที่เหลืออีก 29% เป็นการถือหุ้นของปิโตรเวียดนาม
ก่อนหน้านี้ ปูนซิเมนต์ไทยพยายามที่จะหาพันธมิตรใหม่เข้ามาร่วมถือหุ้นในโครงการดังกล่าวแทนกาตาร์ที่ถือหุ้นอยู่ 25% แต่ได้ถอนตัวไปหลังจากราคาน้ำมันตกต่ำ แต่สุดท้ายบริษัทฯ ก็ไม่สามารถตกลงเรื่องโครงสร้างและการทำงานกันได้ จึงตัดสินใจเข้าไปถือหุ้นแทนกาตาร์เพื่อให้โครงการดังกล่าวสามารถเดินหน้าต่อไปได้หลังจากดีเลย์มาเป็นเวลาหลายปี โดยมั่นใจว่าปีนี้จะเริ่มก่อสร้างโครงการและแล้วเสร็จในปี2565
นายรุ่งโรจน์กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทวางงบลงทุนไว้ที่ 6-7 หมื่นล้านบาท โดยกึ่งหนึ่งเป็นเงินลงทุนสำหรับการซื้อกิจการ (M&A) และมีบางส่วนใช้สำหรับโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่เวียดนามด้วย โดยไตรมาสแรกปีนี้บริษัทใช้เงินลงทุนในการซื้อกิจการไปแล้ว 1.3-1.4 หมื่นล้านบาท แต่ยังไม่รวมหนี้จากการซื้อกิจการอีก 8 พันล้านบาท รวมแล้ว 2.2 หมื่นล้านบาท
ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2560 บริษัทมีรายได้จากการขาย 116,268 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% และมีกำไร 17,386 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% ส่วนใหญ่มาจากการดำเนินงานที่ดีของธุรกิจเคมีภัณฑ์ และกำไรจากการขายหุ้น บมจ.พีทีทีโกลบอลเคมิคอล ที่ถืออยู่ทำให้รับรู้กำไรถึง 1.4 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างได้เข้าลงทุนใน Vietnam Construction Materials JSC (VCM) ซึ่งเป็นธุรกิจซีเมนต์ครบวงจรในประเทศเวียดนาม กำลังการผลิต 3.1 ล้านตันต่อปี ตั้งอยู่ในจังหวัดกว๋าง-บิ่นอยู่ในภาคกลางของประเทศ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการทำธุรกิจที่สามารถรองรับความต้องการของตลาดปูนซีเมนต์ในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศได้เป็นอย่างดี ขณะที่โรงงานปูนซีเมนต์ในประเทศพม่าได้เริ่มผลิตสินค้าออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนมกราคม และ สปป.ลาวในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ปัจจุบันเอสซีจีมีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์ในอาเซียนไม่นับประเทศไทย รวม 10.5 ล้านตันต่อปี
ด้านธุรกิจแพกเกจจิ้ง เอสซีจีได้ลงทุนใน Indocorr ซึ่งเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษคุณภาพสูงในประเทศอินโดนีเซีย มีกำลังการผลิตรวม 32,000 ตันต่อปี ปัจจุบันเอสซีจีมีกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษ รวมทั้งหมด 1,045,000 ตันต่อปี นอกจากนี้ยังหาโอกาสในการลงทุนในบรรจุภัณฑ์ทุกประเภท ทั้งบรรจุภัณฑ์กระดาษ และ Flexible Packaging เพื่อเป็นการรองรับความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในไทย และภูมิภาคอาเซียน รวมถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปที่เน้นการบริโภคอาหารนอกบ้านมากขึ้น
สำหรับยอดขายสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High Value Added Products & Services - HVA) ในไตรมาสที่ 1 ปี 2560 คิดเป็น 43,759 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 38 ของยอดขายรวม