แฉ ทอท.ล็อกสัมปทานที่จอดรถดอนเมือง 1,500 คัน สัญญา 15 ปี ประเคนงานให้บริษัทมีประวัติถูกเมืองพัทยาบอกเลิกสัญญามาก่อน เหตุค้างค่าเช่า ไม่สนร้องเรียน แถมระหว่างประมูลมีหมกเม็ดคะแนน ยัดไส้ราคา ให้ใส่ซองเสนอกันใหม่ ได้ราคาสูงเกินจริงอนาคตทำไม่ไหว ส่อขอลดค่าตอบแทนหรือเพิ่มสิทธิ์อื่นเพื่อเพิ่มรายได้ภายหลัง หวั่นซ้ำรอยสัญญาคิงเพาเวอร์ที่ทำให้ ทอท.เสียประโยชน์มหาศาล คน ทอท.สุดช้ำ งานนี้พูดไม่ออก บิ๊ก ทอท.อ้างเป็นงานของประธานขอมา
รายงานข่าวจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า จากที่ ทอท.ได้มีการเปิดประมูลงานให้สิทธิประกอบกิจการโครงการบริหารจัดการอาคารจอดรถยนต์ ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง จำนวน 1,500 คัน ระยะเวลา 15 ปี ซึ่งเอกชนจะต้องลงทุนก่อสร้างอาคารจอดรถ พร้อมติดตั้งระบบจัดเก็บค่าจอดรถและบริหารจัดการตลอดอายุสัมปทาน โดยโครงการมีมูลค่าลงทุนประมาณ 680 ล้านบาท นั้น ล่าสุดมีการร้องเรียนถึงความไม่ชอบมาพากลในการประมูล เนื่องจากบริษัทที่ได้รับคัดเลือกมีประวัติเคยถูกยกเลิกสัมปทานที่จอดรถบาลีฮาย เนื่องจากค้างชำระค่าเช่าให้เมืองพัทยานาน 6 เดือน มีปัญหาโครงการอาคารจอดรถอัตโนมัติของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งคุณสมบัติขัดหลักธรรมาภิบาล รวมถึงวิธีการคัดเลือกที่ผลตอบแทนให้ ทอท.สูงสุด ซึ่งอาจส่งผลในการบริหารสัญญาที่อาจมีปัญหาในอนาคตได้
แหล่งข่าวจาก ทอท.ระบุว่า ทอท.ได้กำหนดใช้วิธีประมูลด้วยการเสนอค่าตอบแทน โดยจะให้คะแนนด้านเทคนิคก่อน จากนั้นจะเปิดข้อเสนอด้านผลตอบแทน โดยขายเอกสารประมูลเมื่อวันที่ 24 เม.ย. 60-28 เม.ย. 60 ปรากฏว่ามีผู้ซื้อซองจำนวน 15 ราย กำหนดให้ยื่นซองในวันที่ 15 พ.ค. 60 มีผู้มายื่นประมูล 5 ราย ได้แก่ 1. บริษัท เอ็มพีเม็ก จำกัด 2. บริษัท ปาร์ค 2 โก จำกัด ในนามกิจการร่วมลงทุน NWR-P2G Consortium ประกอบด้วย บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ปาร์ค 2 โก จำกัด 3. บริษัท เป๋าตังค์ จำกัด 4. บริษัท สมบุญ พัฒนา จำกัด 5. บริษัท เจนก้องไกล จำกัด ในนามกิจการร่วมค้า "เจนก้องไกลฟอร์คอน" ประกอบด้วย บริษัท เจนก้องไกล จำกัด และ บริษัท ฟอร์คอน จำกัด
โดยได้ให้ทั้ง 5 บริษัทนำเสนอผลงาน (Presentation) ในวันที่ 18 พ.ค. สรุปผลด้านเทคนิคในวันที่ 23 พ.ค.ปรากฏว่ามี 3 รายที่ได้คะแนนเท่ากันที่ 70 คะแนน คือ บ.เอ็มพีเม็ก, NWR-P2G Consortium และ บ.สมบุญ พัฒนา เมื่อเปิดข้อเสนอผลตอบแทน และรวมคะแนนด้านเทคนิคและผลตอบแทน ปรากฏว่าเหลือ 2 รายที่มีคะแนนสูงสุดเท่ากันที่ 90 คะแนน คือ บ.เอ็มพีเม็ก และ บ.สมบุญ พัฒนา ดังนั้น คณะกรรมการฯ จึงให้ 2 รายเสนอผลตอบแทนใหม่ ซึ่งปรากฏว่า บ.เอ็มพีเม็กเสนอเงินค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำให้ ทอท.สูงสุดที่ 2,233,669 บาทต่อเดือน ส่วน บ.สมบุญ พัฒนา เสนอราคา 1,567,000 บาทต่อเดือน
แหล่งข่าวกล่าวว่า การประมูลครั้งนี้มีความไม่ชอบมาพากลตั้งแต่คุณสมบัติของผู้ได้รับคัดเลือกแล้ว เพราะมีประวัติถูกเลิกจ้างมาก่อน และยังมีขั้นตอนการประมูลที่ให้เขียนราคาเสนอกันใหม่ ทั้งที่มีซองราคาเดิมอยู่แล้วซึ่งมีกระแสข่าวแจ้งว่างานนี้มีการล็อกกันไว้แล้ว แต่เพราะผู้ที่ถูกล็อกเสนอราคามาต่ำกว่าอีกรายจึงมีการให้เสนอราคากันใหม่ อีกทั้งก่อนหน้านี้บอร์ดมีมติให้ทำที่จอดรถอัตโนมัติ แต่กลับเปลี่ยนเป็นที่จอดรถธรรมดาภายหลังอีกด้วย
ซึ่งนอกจากบริษัทฯ ต้องลงทุนก่อสร้างอาคารและระบบวงเงิน 680 ล้านบาท ขณะที่เสนอจ่ายผลตอบแทนให้ ทอท.ถึง 2.23 ล้านบาทต่อเดือน หากรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ การบริหารทั้ง ระบบซ่อมบำรุง ค่าบุคลากร ดอกเบี้ย ค่าประกัน เฉลี่ยประมาณ 10 ล้านบาทต่อเดือน
สิ่งที่น่าสังเกตคือ เมื่อเปรียบเทียบกับอาคารจอดรถ 7 ชั้น ดอนเมือง (1,240 คัน) ที่ปัจจุบันมีรายได้ประมาณ 6 ล้านบาทต่อเดือน อีกทั้งอาคารจอดรถรายได้หลักมาจากผู้ใช้บริการ และการหมุนเวียนเข้าออกมากๆ แต่จะมีรถส่วนหนึ่งที่เป็นของพนักงานสายการบิน ผู้ประกอบการในสนามบิน ลักษณะเป็นสมาชิก เดือนละ 1,000 บาทอีกจำนวนหนึ่ง ที่จะเข้ามาใช้อาคารจอดรถ ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่สร้างรายได้มากนัก และทำให้เสียพื้นที่ด้วย ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ยากที่จะมีรายได้คุ้มกับรายจ่าย ซึ่งเมื่อรายได้น้อยกว่ารายจ่ายจะเกิดการขอลดค่าตอบแทน ขอเพิ่มกิจกรรมเช่นติดตั้งโฆษณาในอาคาร เป็นต้น เป็นสูตรเดิมๆ ที่จะมีการขอกันภายหลังเมื่อได้สัญญาไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรมกับทุก ทอท. และผู้ร่วมประมูลรายอื่น และเป็นรูปแบบคล้ายคลึงกับสัญญาคิงเพาเวอร์ที่ทำให้ ทอท.เสียประโยชน์มหาศาล
“เมื่อพบความไม่ถูกต้อง และมีการทักท้วง แต่ปรากฏว่าผู้บริหาร ทอท.ระบุว่างานนี้เป็นของประธานบอร์ด ทอท.ขอมา งานนี้เลยไม่มีใครกล้าทำอะไร ปล่อยเลยตามเลย ซึ่งคาดว่าจะมีการสรุปเสนอผลประมูลต่อบอร์ดในเดือน มิ.ย.นี้แล้ว” แหล่งข่าวกล่าว