xs
xsm
sm
md
lg

อ่อนแอก็แพ้ไป!!เตรียมตัวกันให้ดี ยุครถขับขี่อัตโนมัติมาเร็วกว่าที่คิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

รถไร้คนขับที่จะทำให้ชีวิตง่ายขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็สร้างความเปลี่ยนแปลงกว้างขวางต่ออุตสาหกรรมหลายแขนง ไม่เว้นแม้กระทั่งหน่วยงานรัฐ ในภาพคือรถอัตโนมัติที่วิ่งทดสอบบนทางเท้าในมิลตัน คีนส์ของอังกฤษเมื่อปลายปีที่แล้ว
อีกเพียง 5 ปี รถไร้คนขับจะวิ่งปะปนบนถนนมากขึ้น และรถยนต์ไม่ใช่อุตสาหกรรมเดียวที่จะได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน แต่ยังมีอุตสาหกรรมอีกมากมายที่ต้องเตรียมหาทางหนีทีไล่กันตั้งแต่วันนี้

ต้นเดือนพฤษภาคม มูลค่าตลาดของเทสลา บริษัทรถไฟฟ้าอนาคตไกล แซงขาใหญ่ในวงการยานยนต์ทั้งฟอร์ดและเจเนอรัล มอเตอร์ เค้าลางอนาคตของธุรกิจรถยนต์ยังปรากฏให้เห็นจากการที่เดมเลอร์และบ๊อชตกลงเป็นพันธมิตรกันเพื่อพัฒนายานยนต์ไร้คนขับ และฟอร์ดประกาศว่า กำลังมุ่งหน้าสู่การสร้างรถอัตโนมัติเต็มรูปแบบภายในปี 2021

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า รถอัตโนมัติจะทำให้ชีวิตเราง่ายดายขึ้น อำนวยความสะดวกสำหรับผู้ใช้ ยกระดับความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสาร และทำให้การเดินทางไปทำงานคาดเดาได้มากกว่าเดิม รวมทั้งยังนำเสนอความสามารถในการทำสิ่งต่างๆ ที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติมระหว่างการเดินทาง เช่น นอนหลับพักผ่อน ทำงานหรือประสานงานจากระยะไกล

อย่างไรก็ตาม แม้เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าให้แก่ผู้บริโภค แต่อุตสาหกรรมต่างๆ พึงสำเหนียกว่า ตนเองกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้และหาทางรับมือแต่เนิ่นๆ โดยอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน มีอาทิ

1 ที่จอดรถ:
รถยนต์ไร้คนขับจะนำผู้โดยสารไปส่งยังจุดหมายปลายทางและขับไปหาที่จอด (หรือวิ่งบนถนนต่อหากเป็นส่วนหนึ่งในโครงการรถร่วมโดยสาร) ตัวอย่างเช่นที่อเมริกานั้นมีพื้นที่สำหรับจอดรถรวม 43,000 ล้านตารางเมตร หรือ 1 ใน 3 ของอสังหาริมทรัพย์ในเมืองใหญ่ ทว่า มีการประเมินว่า รถไร้คนขับจะทำให้ความต้องการพื้นที่จอดรถลดลงราว 18,000 ล้านตารางเมตร หรือประมาณรัฐคอนเน็กติกัตกับเวอร์มอนต์รวมกัน และความเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อเนื่องให้ผู้พัฒนาคิดหาทางนำพื้นที่เหล่านั้นไปแสวงหาผลประโยชน์ด้านสังคมและเศรษฐกิจเพิ่ม แต่ขณะเดียวกัน รายได้จากใบสั่งการจอดรถในที่ห้ามจอดก็อาจลดลงอย่างเห็นได้ชัด

2 อสังหาริมทรัพย์:
แม้ความต้องการพื้นที่จอดรถลดลงหมายถึงโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ แต่บรรดานายหน้าอสังหาริมทรัพย์ยังต้องตระหนักว่า การเดินทางที่เร็วและง่ายดายขึ้นจะทำให้ราคาที่อยู่อาศัยกลางเมืองไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนเดิม เนื่องจากคนย้ายไปอยู่ชานเมืองมากขึ้น นอกจากนั้นยังคาดกันว่า ปั๊มน้ำมันตามจุดที่มีการจราจรพลุกพล่านจะไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป

3 การบังคับใช้กฎหมาย:
เอเอเอ มิด-แอตแลนติกระบุว่า ในปี 2014 วอชิงตัน ดี.ซี. ออกใบสั่งขับรถเร็วเกินกำหนดโดยอาศัยภาพจากกล้องวงจรปิดเฉลี่ยวันละ 773 ใบ รวมเป็นเงินค่าปรับประมาณ 37.5 ล้านดอลลาร์ ทว่า ยานยนต์อัตโนมัติจะทำให้จำนวนใบสั่งประเภทนี้ลดลง เช่นเดียวกับพฤติกรรมเมาแล้วขับ และการละเมิดกฎจราจรอื่นๆ ดังนั้น แม้รายได้ลดลง แต่สำนักงานตำรวจอาจใช้โอกาสนี้โยกย้ายบุคลากรและทรัพยากรไปยังส่วนงานที่มีความสำคัญมากกว่าในแง่การปกป้องดูแลประชาชน

4 ประกันภัย:
อุบัติเหตุทางรถยนต์ประมาณ 90% เกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์ ดังนั้น ในโลกของรถขับขี่อัตโนมัติ เราอาจคาดได้ว่า สถิติการเกิดอุบัติเหตุอาจลดลงอย่างชัดเจนซึ่งจะมีผลให้รูปแบบรายได้ของบริษัทประกันภัยเปลี่ยนแปลงไปด้วย เนื่องจากเมื่อความเสี่ยงของอุบัติเหตุลดลง ความต้องการซื้อประกันก็จะพลอยดิ่งตาม อย่างไรก็ดี ขณะนี้ บริษัทประกันภัยบางแห่งเริ่มเล็งเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงนี้และออกกรมธรรม์ประกันภัยใหม่โดยคิดค่าเบี้ยประกันอิงกับการใช้รถและพฤติกรรมการขับขี่

5 โรงแรม:
ความต้องการที่พักจะลดลงเนื่องจากคนจำนวนมากอาจเปลี่ยนมาเดินทางช่วงกลางคืนและนอนหลับในรถไร้คนขับ การใช้รถเป็นโรงแรมเคลื่อนที่ถือเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและสะดวกกว่าการเปิดห้องพักในโรงแรม สเวน ชูเวิร์ต รองประธานฝ่ายกลยุทธ์แบรนด์และธุรกิจดิจิตอล คาดว่า ในที่สุดแล้วห้องโดยสารของรถจะมีระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมและปรับโหมดระหว่างนอนหลับกับขับขี่ ผลลัพธ์คือรถไร้คนขับกลายมาเป็นคู่แข่งตัวฉกาจสำหรับอุตสาหกรรมโรงแรม

6 สื่อ ความบันเทิง และร้านค้าออนไลน์
ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า จะมีการบริโภคสื่อมากขึ้นเมื่อรถอัตโนมัติแปลงโฉมเป็นห้องนั่งเล่นติดล้อ รายงานจากแมคคินซีย์ แอนด์ คอมปานี บริษัทที่ปรึกษาระดับโลก พบว่า ทุก 1 นาทีที่ผู้โดยสารใช้จ่ายบนอินเทอร์เน็ตจะสร้างรายได้ให้ร้านค้าออนไลน์ถึงปีละ 5,600 ล้านดอลลาร์ ตัวอย่างเช่น หากผู้โดยสารใช้เวลาครึ่งหนึ่งของเวลาเดินทางไปทำงานเฉลี่ย 44 นาทีกับการช้อปออนไลน์ จะหมายถึงตัวเลขรายได้รวม 140,000 ล้านดอลลาร์

7 การจัดส่งพัสดุภัณฑ์และอาหาร:
แมคคินซีย์ประเมิน ว่า บริการจัดส่งสินค้าในอเมริกาจะได้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากรถไร้คนขับราว 100,000-50,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีภายในปี 2025 ในทางกลับกัน ผู้ที่จะเสียประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้คือคนขับรถบรรทุก ลางร้ายเริ่มปรากฏแล้วจากการที่บริษัทหลายแห่งเริ่มใช้โดรนจัดส่งพัสดุ และบริการจัดส่งอาหารของอูเบอร์อีตส์

8 การซ่อมรถ
เซ็นเซอร์ที่ติดตั้งอยู่มากมายช่วยขจัดปัญหาการเสียสมาธิหรือการเมาแล้วขับ ดังนั้น รถขับขี่อัตโนมัติจะลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุลงอย่างมาก ส่งผลให้บริการซ่อมรถขาดรายได้ก้อนโต และส่งผลต่อเนื่องไปถึงความต้องการเหล็กกล้าและชิ้นส่วนยานยนต์

9 การผลิตรถยนต์
PWC คาดว่า เมื่อถึงปี 2030 อิเล็กทรอนิกส์จะคิดเป็นสัดส่วนถึง 50% ของต้นทุนการผลิตรถ หรือเพิ่มขึ้นจากแค่ 1 ใน 3 ในปัจจุบัน การเข้าซื้อโมบิลอายของอินเทลในราคา 15,300 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว ตอกย้ำว่า ผู้ผลิตรถดั้งเดิมอาจมีมูลค่าด้อยกว่าบริษัทซอฟต์แวร์และอิเล็กทรอนิกส์ในสายตานักลงทุน เนื่องจากซอฟต์แวร์และอิเล็กทรอนิกส์จะเป็นแกนกลางของระบบขับขี่อัตโนมัติทั้งหมด นับจากนี้ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ดั้งเดิมจะเผชิญการแข่งขันจากบริษัทที่เน้นด้านเทคโนโลยีเป็นหลัก อย่างเช่นเอ็นวิเดียที่ถูกทาบทามจากค่ายรถหลายแห่งให้ช่วยสร้างระบบคอมพิวเตอร์ที่จำเป็นสำหรับรถยนต์ไร้คนขับ

รถขับขี่อัตโนมัติจะลงสู่ท้องถนนเร็วกว่าที่คาดกันไว้ ดังนั้น ผู้นำธุรกิจในอุตสาหกรรมทุกแขนงไม่สามารถรอดูอย่างใจเย็นอีกต่อไป แต่ต้องตื่นตัวและระวังระไวด้วยการเริ่มต้นติดตามการเปลี่ยนแปลงรอบๆ ตัวที่ไม่ใช่แค่สิ่งที่คู่แข่งกำลังทำอยู่เท่านั้น และยังต้องเริ่มตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูลรอบด้าน และนำการตัดสินใจนั้นไปลงมือทำอย่างรวดเร็วเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคุกคามจากรถไร้คนขับ นอกจากนี้ ผู้นำธุรกิจและภาครัฐยังจะต้องจัดการกับผลกระทบต่อการจ้างงานและเอาจริงเอาจังกับการฝึกอบรมพนักงานเพิ่มเติมทันที


กำลังโหลดความคิดเห็น