บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 60 อนุมัติให้เข้าลงทุนในบริษัท Sakthi Global Auto Holdings Limited (SGAH) มูลค่ารวม 100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 3,522 ล้านบาท โดยก่อนที่บริษัทจะเข้าลงทุนแล้วเสร็จ SGAH จะต้องปรับโครงสร้างภายในกลุ่ม และภายหลังการปรับโครงสร้างแล้วเสร็จ กลุ่ม SGAH จะประกอบด้วย ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศอินเดีย ประเทศโปรตุเกส สหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐประชาชนจีน
ทั้งนี้ เงินลงทุนดังกล่าว ประกอบด้วย 1.หุ้นเพิ่มทุนใน SGAH จำนวน 25.10% รวมมูลค่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1,761 ล้านบาท และ 2.เงินกู้แปลงสภาพสังเคราะห์ (Synthetic Convertible Loan) ซึ่งบริษัทเป็นผู้ให้กู้แก่ SGAH มูลค่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1,761 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการลงทุนแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/60
โครงสร้างการลงทุนในลักษณะนี้มีจุดมุ่งหมายให้เงินกู้แปลงสภาพสังเคราะห์เป็นกระบวนการชำระค่าหุ้นเพิ่มในส่วนของหุ้น 25.10% ที่คาดว่าจะได้รับโอนภายในไตรมาส 2/60 เมื่อเงื่อนไขบังคับก่อนที่กำหนดไว้ในสัญญาที่เกี่ยวข้องสำเร็จครบถ้วน หรือได้รับการยกเว้น โดยการแปลงสภาพ และมูลค่าที่จะมีการเปลี่ยนสภาพนั้น มีเงื่อนไขขึ้นอยู่กับมูลค่าหุ้นของ SGAH ซึ่งคำนวณจากกำไรในอนาคตของ SGAH
เงินกู้แปลงสภาพสังเคราะห์ดังกล่าวนั้น มีเงื่อนไขการแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ 1 หุ้น (คิดเป็นสัดส่วน 0.01% ของจำนวนหุ้นที่ออก และจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ SGAH) ในวันที่ 31 มี.ค.63 ซึ่งหุ้นสามัญ 1 หุ้นนี้ไม่มีสิทธิพิเศษใดๆ เพียงแต่เป็นการโอนให้บริษัท เพื่อต่างตอบแทนการยกหนี้ให้แก่ SGAH หาก SGAH สามารถบรรลุเงื่อนไขการแปลงสภาพตามกำไรที่ทำได้ใน 2 ปีข้างหน้าเท่านั้น ซึ่งภายหลังจากการแปลงสภาพ สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทใน SGAH จะเท่ากับ 25.11%
ภายหลังการปรับโครงสร้าง กลุ่ม SGAH จะประกอบด้วยผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เช่น หัวต่อแกนล้อ (Steering Knuckle) จานเบรก (Brake Disc) ดรัมเบรก (Brake Drum) เบรกก้ามปู (Brake Caliper) แขนเพลา (Axle Arm) และแท่นยึด (Bracket) เพื่อส่งให้กับผู้ผลิตยานยนต์ (OEM) รายใหญ่ เช่น General Motors, Continental AG, Maruti Suzuki India Limited, Iljin Automotive Private Limited และ Ford เป็นต้น
แหล่งเงินลงทุนที่ใช้ครั้งนี้จะมาจากเงินสดภายในบริษัท จำนวน 25 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 880.50 ล้านบาท, เงินส่วนที่เหลือ จำนวน 75 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2,641.50 ล้านบาท จะใช้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ประกอบด้วย ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL โดยจะทำสัญญากู้เงินจากแต่ละธนาคารในวงเงิน 37.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1,350 ล้านบาท มีระยะเวลา 5 ปี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยไม่เกิน MLR-2.30%
นอกจากนี้ บริษัท อาปิโก อินเวสเมนท์ พีทีอี ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในสิงคโปร์ ได้จำหน่ายเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัท แจ็คสปีด คอร์ปอเรชั่น ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศสิงคโปร์ ให้แก่นายยิบ ไท ฮิม ในมูลค่า 4.32 ล้านเหรียญสิงคโปร์ หรือราว 106 ล้านบาท
ทั้งนี้ เงินลงทุนดังกล่าว ประกอบด้วย 1.หุ้นเพิ่มทุนใน SGAH จำนวน 25.10% รวมมูลค่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1,761 ล้านบาท และ 2.เงินกู้แปลงสภาพสังเคราะห์ (Synthetic Convertible Loan) ซึ่งบริษัทเป็นผู้ให้กู้แก่ SGAH มูลค่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1,761 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการลงทุนแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/60
โครงสร้างการลงทุนในลักษณะนี้มีจุดมุ่งหมายให้เงินกู้แปลงสภาพสังเคราะห์เป็นกระบวนการชำระค่าหุ้นเพิ่มในส่วนของหุ้น 25.10% ที่คาดว่าจะได้รับโอนภายในไตรมาส 2/60 เมื่อเงื่อนไขบังคับก่อนที่กำหนดไว้ในสัญญาที่เกี่ยวข้องสำเร็จครบถ้วน หรือได้รับการยกเว้น โดยการแปลงสภาพ และมูลค่าที่จะมีการเปลี่ยนสภาพนั้น มีเงื่อนไขขึ้นอยู่กับมูลค่าหุ้นของ SGAH ซึ่งคำนวณจากกำไรในอนาคตของ SGAH
เงินกู้แปลงสภาพสังเคราะห์ดังกล่าวนั้น มีเงื่อนไขการแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ 1 หุ้น (คิดเป็นสัดส่วน 0.01% ของจำนวนหุ้นที่ออก และจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ SGAH) ในวันที่ 31 มี.ค.63 ซึ่งหุ้นสามัญ 1 หุ้นนี้ไม่มีสิทธิพิเศษใดๆ เพียงแต่เป็นการโอนให้บริษัท เพื่อต่างตอบแทนการยกหนี้ให้แก่ SGAH หาก SGAH สามารถบรรลุเงื่อนไขการแปลงสภาพตามกำไรที่ทำได้ใน 2 ปีข้างหน้าเท่านั้น ซึ่งภายหลังจากการแปลงสภาพ สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทใน SGAH จะเท่ากับ 25.11%
ภายหลังการปรับโครงสร้าง กลุ่ม SGAH จะประกอบด้วยผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เช่น หัวต่อแกนล้อ (Steering Knuckle) จานเบรก (Brake Disc) ดรัมเบรก (Brake Drum) เบรกก้ามปู (Brake Caliper) แขนเพลา (Axle Arm) และแท่นยึด (Bracket) เพื่อส่งให้กับผู้ผลิตยานยนต์ (OEM) รายใหญ่ เช่น General Motors, Continental AG, Maruti Suzuki India Limited, Iljin Automotive Private Limited และ Ford เป็นต้น
แหล่งเงินลงทุนที่ใช้ครั้งนี้จะมาจากเงินสดภายในบริษัท จำนวน 25 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 880.50 ล้านบาท, เงินส่วนที่เหลือ จำนวน 75 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2,641.50 ล้านบาท จะใช้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ประกอบด้วย ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL โดยจะทำสัญญากู้เงินจากแต่ละธนาคารในวงเงิน 37.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1,350 ล้านบาท มีระยะเวลา 5 ปี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยไม่เกิน MLR-2.30%
นอกจากนี้ บริษัท อาปิโก อินเวสเมนท์ พีทีอี ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในสิงคโปร์ ได้จำหน่ายเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัท แจ็คสปีด คอร์ปอเรชั่น ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศสิงคโปร์ ให้แก่นายยิบ ไท ฮิม ในมูลค่า 4.32 ล้านเหรียญสิงคโปร์ หรือราว 106 ล้านบาท