เริ่มต้นอีกปีสำหรับงานคอมพิวเท็กซ์ (Computex Taipei 2017) เทรดโชว์งานใหญ่ของวงการไอทีเอเชียที่ประกาศโฟกัสเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (Internet of Things: IoT) รวมถึงหุ่นยนต์หลากวัตถุประสงค์
ปรากฎว่าแม้งานปีนี้จะมีการเปิดตัวนานาชิปที่การันตีว่าจะส่งให้สมาร์ทโฟนมีความเร็วแรงกว่าที่เป็นอยู่ แถมยังเป็นชิปที่รองรับระบบแสดงภาพเสมือนและระบบ machine learning ได้ดีขึ้น แต่ค่ายยักษ์ใหญ่ต่างแสดงจุดยืนพัฒนาพีซีเต็มที่ ทำให้ฟันธงได้เลยว่าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลยังเป็นอีกสมรภูมิที่คึกคักสุดขีดในปีหน้า
Computex Taipei 2017 นั้นมีกำหนดจัดขึ้นตั้งแต่ 30 พฤษภาคมถึง 3 มิถุนายนนี้ที่ไต้หวัน ความพิเศษของงานปีนี้คือการเป็นปีแรกที่ผู้ผลิตรถไฟฟ้าสัญชาติอเมริกันอย่างเทสลา (Tesla) และแบรนด์พีซีแดนลุงแซมอย่างเดลล์ (Dell) มาร่วมแสดงเทคโนโลยีด้วย โดยทั้งคู่เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจกว่า 1,600 รายจาก 30 ประเทศที่ร่วมออกบูธในงานนี้
ในภาพรวม Computex Taipei 2017 เปิดเผยสถิติว่าสามารถดึงผู้ร่วมงานมากกว่า 50,000 รายจาก 178 ประเทศ
พีซีแรงดี
งานไอทีใหญ่ของเอเชียนี้ถูกใช้เป็นเวทีตอกย้ำพัฒนาการของชิปคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หลังจากที่ต้นปีที่ผ่านมา เอเอ็มดี (AMD) เปิดตัวซีพียูสำหรับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะตระกูลไรเซ็น (Ryzen) ด้วยฐานะชิปที่มีประสิทธิภาพสูง ส่งให้ชิปซีรียส์ AMD Ryzen 7 และ Ryzen 5 เป็นที่ต้องการของตลาด จนเป็นพระเอกที่ทำให้ AMD ถูกมองว่าจะสามารถเพิ่มรายได้ขึ้นมากกว่า 17% ลดบาดแผลจากภาวะขาดทุนลงได้เหลือต่ำกว่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสนี้
งานนี้ทำให้ค่ายพีซียักษ์ใหญ่ทยอยเปิดตัวสินค้าที่ใช้ชิปใหม่จาก AMD แน่นอนว่าคู่แข่งตลอดกาลอย่างอินเทล (Intel) ไม่รอช้า เปิดตัวชีพียู Core i9 อย่างเป็นทางการในชื่อคอร์เอ็กซ์ (Intel Core X-series Processor Family) โดยรุ่นที่โดดเด่นที่สุดคือ Core i9-7980XE (Extreme Edition) ที่เป็นซีพียู 18 คอร์ ราคา 1,999 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 68,300 บาท
ไม่เพียงคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่บริษัทชิปยังเห็นความต้องการ ตลาดคอมพิวเตอร์พกพาหรือโน้ตบุ๊กก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน แบรนด์ใหญ่ของไต้หวันทั้งเอเซอร์ (Acer) และอัสซุส (Asustek) ต่างเปิดตัวสินค้าใหม่พร้อมโชว์ในงานนี้อย่างไม่มีใครยอมใคร
สินค้าที่ Acer เปิดโชว์ในงานนี้คือ Predator Z301CT จอมอนิเตอร์สำหรับคอเกมที่โค้งและรองรับภาพละเอียด 4K ยังมี Aspire U27 ที่เป็นออลอินวันพีซี และ Switch 5 โน้ตบุ๊กพับได้ทูอินวันที่ใช้เป็นแท็บเล็ตได้ รวมถึงอุปกรณ์สวมศีรษะที่แสดงภาพเสมือนจริง 210 องศาความละเอียด 5K ชื่อ StarVR
สำหรับอัสซุส (Asus) นั้นเปิดตัวโน้ตบุ๊กมากกว่า 5 รุ่นใหม่ในงานนี้ หนึ่งในนั้นคือ Flip S คอมพิวเตอร์วางตักที่ได้ชื่อว่า”โน้ตบุ๊กพับได้ที่บางที่สุดในโลก” ตำแหน่งนี้ถูกประกาศโดยประธานอัสซุส “จอนนี่ ชิห์” (Jonney Shih) ที่ระบุว่า ความบางเครื่อง 10.9 มม.นั้น ถือว่าบางกว่าแมคบุ๊กราว 20%
ยังมีรุ่นใหญ่ ZenBook Pro ที่มีหน้าจอจัดเต็ม 15.6 นิ้ว ความละเอียด 4K และสุดยอดแล็บท็อปหรูรุ่นใหม่ ZenBook 3 Deluxe ซึ่งมีจุดขายเรื่องการเป็นแล็บท็อปขนาด 14 นิ้วขลิบทอง ที่บางที่สุดในโลก
หากมองด้านชิปกราฟิก งาน Computex ปีนี้แสดงว่า AMD และ Nvidia กำลังเปิดฉากพร้อมรบครั้งใหม่ ซึ่งจะไม่ได้เป็นศึกชิงตลาดแพลตฟอร์มกราฟิกสำหรับมือโปรเท่านั้น แต่ยังขยายไปยังตลาด machine learning หรือการเรียนรู้ของเครื่อง (ML) ซึ่งเป็นเบื้องหลังที่ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์สามารถวิเคราะห์ภาพเพื่อคาดเดาหรือแสดงผลตามที่ผู้ใช้ต้องการได้เองโดยไม่ต้องรับคำสั่ง
ตลาด ML นั้นไม่ได้แข่งกันเพียง 2 เจ้า แต่เออาร์เอ็ม (ARM) บริษัทผู้ออกแบบชิปนั้นประกาศตัวเข้าร่วมสมรภูมินี้เต็มที่ โดย ARM เปิดตัวซีพียูใหม่ทั้งระดับเรือธงและระดับกลางคือ Cortex-A75 และ Cortex-A55 ซึ่งไม่ได้ออกแบบเพื่อสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่ยังรองรับการประมวลผล ML รวมถึงระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) อื่นๆ
Cortex-A75 ถูกการันตีว่าปรับปรุงประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า 20% แถมประสิทธิภาพการทำงานบนอุปกรณ์หน้าจอใหญ่ยังเพิ่มขึ้นอีก 30%
ก้าวของ ARM ในฝั่งตลาดโน้ตบุ๊กโลกนั้นน่าสนใจ เพราะก่อนหน้านี้ แบรนด์ชิปยักษ์ใหญ่อย่างควอล์คอมม์ (Qualcomm) และไมโครซอฟท์ (Microsoft) เป็นข่าวว่ากำลังพยายามเปิดตลาดโน้ตบุ๊ก ARM กลับมาจำหน่ายจริงจังในปีนี้ โดยโน้ตบุ๊กชิป Snapdragon 835 ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 มีกำหนดการจำหน่ายในปลายปี 2017 จุดนี้นักสังเกตการณ์เชื่อว่าการจับมือระหว่าง ARM และ Microsoft จะโฟกัสเรื่องจุดอ่อนในระบบซอฟต์แวร์พีซีขณะนี้ ซึ่งจะเป็นแรงกดดันให้เจ้าใหญ่อย่าง Intel แน่นอน
ไม่ว่าอย่างไร Intel ยังเดินหน้าต่อไปในตลาดพีซี โดยงานนี้ Intel ประกาศจับมือพันธมิตรผู้ผลิตหลายรายเปิดตัวโซลูชั่นใหม่ในชื่อคอมพิวการ์ด (Compute Card) ที่มีจุดเด่นเรื่องความจิ๋วด้วยขนาดเท่าบัตรเครดิตที่หนากว่าเล็กน้อย โดยบางรุ่นต้องเชื่อมต่อกับแท่นอุปกรณ์เสริม คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายในเดือนสิงหาคมปีนี้
IoT เอเชียโตแน่
ในขณะที่งานปีนี้เต็มไปด้วยเทคโนโลยีพีซีดั้งเดิม แต่ Computex ก็สามารถปลุกกระแสว่าตลาดสินค้าเครื่องใช้ในบ้านที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อย่าง IoT นั้นจะเติบโตร้อนแรงยิ่งขึ้นในเอเชีย คาดว่าจะมีการลงทุนนานาระบบที่เกี่ยวข้องกับ IoT โดยเฉพาะโครงข่ายข้อมูลที่จะถูกขยายแบนวิดต์ตามความต้องการที่มากขึ้น
สำหรับปีนี้ บริษัทวิจัยการ์ทเนอร์ประเมินว่าอุปกรณ์ IoT กว่า 8.4 พันล้านเครื่องจะถูกใช้งานทั่วโลก (2017) เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วราว 31% (จากปี 2016) เม็ดเงินสะพัดในตลาดทั้งการใช้จ่ายด้านบริการและอุปกรณ์จะสูงราว 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ
อีกข้อมูลน่าสนใจเรื่อง IoT จากงาน Computex ปีนี้คือ 5G จะเป็นฐานสำคัญของ IoT โดยจิม คาเธย์ (Jim Cathey) ประธาน Qualcomm ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอินเดียระบุว่าสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตบนมือถือในอนาคตอย่าง 5G จะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 12 ล้านล้านเหรียญในปี 2035 ซึ่งจะทำให้เกิดการสร้างงานมากกว่า 22 ล้านตำแหน่งทั่วโลก
ตำแหน่งงานเหล่านี้ คนไทยสามารถมีส่วนร่วมได้แน่นอนหากมีการปรับเรื่องการศึกษาของเยาวชนได้ทัน.