ครม.อนุมัติรถไฟทางคู่ 3 เส้นทางที่เหลือในเฟสแรกระยะทางรวม 403 กม. วงเงินกว่า 5.5 หมื่นล.เข็นเปิดประมูลในปลายปี 59 พร้อมขันนอต ร.ฟ.ท.เร่งประมูลช่วงประจวบฯ-ชุมพร วงเงินกว่า 1.7 หมื่นล้าน หลังถูกติงล็อกสเปกทีโออาร์ คาดขาดแบบได้ปลาย พ.ย. นี้ “อาคม” เผยเตรียมชงทางคู่เฟส 2 อีก 7 สาย ระยะทาง 1,493 กม. ลุยประมูลต่อปี 60 เผยปี 63-64 ไทยมีโครงข่ายทางคู่สมบูรณ์ในอาเซียน และครม.ยังได้อนุมัติก่อสร้างสะพานไทย-กัมพูชา “บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท” เริ่มตอกเข็ม ธ.ค.นี้
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 1 พ.ย. ว่าที่ประชุม ครม.อนุมัติให้ดำเนินโครงการรถไฟทางคู่ 3 เส้นทาง ได้แก่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กม. กรอบวงเงินลงทุน 24,722.28 ล้านบาท, ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กม. กรอบวงเงินลงทุน 20,046.41 ล้านบาท, ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 90 กม. กรอบวงเงินลงทุน 10,239.58 ล้านบาท ทำให้โครงการรถไฟทางคู่ในระยะแรกระยะทางรวม 995 กม.ได้รับอนุมัติครบทั้ง 7 เส้นทางแล้ว
นอกจากนี้จะมีการดำเนินการรถไฟทางคู่ระยะ 2 จำนวน 7 สาย และรถไฟทางคู่สายใหม่ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ, สายบ้านไผ่-นครพนม จะบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ด้านคมนาคมขนส่ง ปี 2560 ด้วย ซึ่งจะเสนอ ครม.ขออนุมัติโครงการในปี 2560 และจะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศในอาเซียนที่มีโครงข่ายรถไฟทางคู่ที่มีประสิทธิภาพครบถ้วนทั่วประเทศ โดยการก่อสร้างทั้งระยะแรกและระยะที่ 2 จะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2563-2564
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า รถไฟทางคู่ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 17,290.63 ล้านบาท ซึ่ง ครม.ได้อนุมัติไปก่อนหน้านี้นั้นได้รับรายงานจาก นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ว่าร่างทีโออาร์ที่ปรับใหม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท.แล้ว และคาดว่าหลังวันที่ 8 พ.ย.จะเริ่มนำร่างทีโออาร์ประกาศลงเว็บไซต์ และคาดว่าจะขายแบบประกวดราคาได้ช่วงปลายเดือน พ.ย.นี้ โดยประเมินว่าทีโออาร์ที่เปิดกว้างมากขึ้นจะทำให้มีผู้เสนอราคาได้ประมาณ 20 ราย และจะใช้ทีโออาร์นี้เป็นต้นแบบของการประมูลในเส้นทางต่อๆ ไป และมั่นใจว่าอีก 3 เส้นทางที่เหลือในโครงการระยะแรกจะเปิดประมูลได้ทั้งหมดภายในปี 2559
สำหรับค่าก่อสร้างช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ค่อนข้างสูงเกือบ 2.5 หมื่นล้านบาทนั้น เนื่องจากจะก่อสร้างแนวเส้นทางใหม่และเป็นทางยกระดับเพื่อเลี่ยงศาลพระกาฬ เข้าตัวเมืองจังหวัดลพบุรี ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และโบราณสถาน ส่วนเส้นทางรถไฟเดิมเข้าตัวเมืองลพบุรีในอนาคตจะมีการยกเลิกหรือใช้เป็นเส้นทางท่องเที่ยว
ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ระยะ 2 อีก 7 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,493 กม. ได้แก่ ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กม., ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 309 กม., ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 174 กม., ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 167 กม., ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 324 กม., ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กม., ช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม.ซึ่งอยู่ในขั้นการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)
“รถไฟทางคู่ ระยะ 2 จะเป็นโครงการต่อเนื่องที่ทำให้ไม่มีช่องว่างของโครงข่ายจากโครงการระยะแรก พร้อมกันนี้จะเร่งรัดการประมูลช่วง จิระ-ขอนแก่นและมาบกระเบา-จิระ เพื่อให้โครงข่ายจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือเชื่อมต่อ สามารถขนส่งสินค้าไปยังท่าเรือแหลมฉบังได้สะดวก และเป็นโครงข่ายที่สมบูรณ์”
ครม.อนุมัติ สะพานไทย-กัมพูชา “บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท” ก่อสร้าง 2 ปี
นายอาคมกล่าวว่า นอกจากนี้ ครม.ได้อนุมัติจัดทำและการลงนามร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย-รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยการก่อสร้างสะพานข้ามพรมแดนแห่งใหม่ ที่บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท ซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ และเป็นจุดเชื่อมต่ออาเซียน โดยสะพานพร้อมเชิงสะพานฝั่งไทยและกัมพูชา มีระยะทาง 4.7 กม. ขนาด 2 ช่องจราจร โดยเฉพาะช่วงสะพานข้ามคลองพรมโหด มีระยะทาง 60 เมตร ขณะที่การก่อสร้างในฝั่งไทย กรมทางหลวง (ทล.) จะดำเนินการก่อสร้างรวมถนนเชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 33 รวมระยะทาง 29.925 กม. วงเงิน 4,190 ล้านบาท โดยได้รับจัดสรรงบประมาณปี 2560 จำนวน 960 ล้านบาท ส่วนสะพานและเชิงสะพานฝั่งกัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาจะกู้เงินจากไทย วงเงิน 928 ล้านบาท เพื่อดำเนินการ โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในเดือน ธ.ค. 2559 นี้ ระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี