ผู้จัดการรายวัน 360 - ครม.อนุมัติรถไฟทางคู่ 3 เส้นทางที่เหลือในเฟสแรกระยะทางรวม 403 กม. วงเงินกว่า 5.5 หมื่นล้านบาท เข็นเปิดประมูลในปลายปี 59 พร้อมขันน็อต ร.ฟ.ท. เร่งประมูลช่วงประจวบฯ-ชุมพร วงเงินกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท หลังถูกติงล็อกสเปคทีโออาร์ “อาคม” เตรียมชงรถไฟทางคู่เฟส 2 อีก 7 สาย ระยะทาง 1,493 กม. ลุยประมูลต่อปี 60 หวังปี 63-64 มีโครงข่ายทางคู่สมบูรณ์สุดในอาเซียน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (1 พ.ย.) ว่า ที่ประชุม ครม. อนุมัติให้ดำเนินโครงการรถไฟทางคู่ 3 เส้นทาง ได้แก่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพพ ระยะทาง 148 กม. กรอบวงเงินลงทุน 24,722.28 ล้านบาท ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กม. กรอบวงเงินลงทุน 20,046.41 ล้านบาท และช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 90 กม.กรอบวงเงินลงทุน 10,239.58 ล้านบาท ทำให้โครงการรถไฟทางคู่ในระยะแรกระยะทางรวม 995 กม. ได้รับอนุมัติครบทั้ง 7 เส้นทางแล้ว
นอกจากนี้ ยังจะมีการดำเนินการรถไฟทางคู่ระยะ 2 จำนวน 7 สาย และรถไฟทางคู่สายใหม่ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ, สายบ้านไผ่-นครพนม บรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ด้านคมนาคมขนส่ง ปี 2560 ซึ่งจะเสนอ ครม. ขออนุมัติโครงการในปี 2560 และจะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศในอาเซียนที่มีโครงข่ายรถไฟทางคู่ที่มีประสิทธิภาพครบถ้วนทั่วประเทศ โดยการก่อสร้างทั้งระยะแรกและระยะที่ 2 จะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2563-2564
ด้าน นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า รถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 17,290.63 ล้านบาท ซึ่ง ครม. ได้อนุมัติไปก่อนหน้านี้นั้นได้รับรายงานจาก นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ว่า ร่างทีโออาร์ที่ปรับใหม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท.แล้ว คาดว่าหลังวันที่ 8 พ.ย.59 จะเริ่มนำร่าง ทีโออาร์ ประกาศลงเว็บไซต์และคาดว่าจะขายแบบประกวดราคาได้ช่วงปลายเดือน พ.ย.ศกนี้ โดยประเมินว่า ทีโออาร์ ที่เปิดกว้างมากขึ้นจะทำให้มีผู้เสนอราคาได้ประมาณ 20 ราย และจะใช้ทีโออาร์นี้เป็นต้นแบบของการประมูลในเส้นทางต่อๆ ไป โดยมั่นใจว่าอีก 3 เส้นทางที่เหลือในโครงการระยะแรกจะเปิดประมูลได้ทั้งหมดภายในปี 2559
สำหรับค่าก่อสร้างช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพซึ่งมีกรอบวงเงินลงทุนค่อนข้างสูงเกือบ 2.5 หมื่นล้านบาทนั้น เนื่องจากจะต้องก่อสร้างแนวเส้นทางใหม่เป็นทางยกระดับเพื่อเลี่ยง ศาลพระกาฬ เข้าตัวเมืองจังหวัดลพบุรี เพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและโบราณสถาน ส่วนเส้นทางรถไฟเดิมเข้าตัวเมืองลพบุรี ในอนาคตจะมีการยกเลิก หรือใช้เป็นเส้นทางท่องเที่ยว
ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ระยะ 2 อีก 7 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,493 กม. ได้แก่ ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กม. ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 309 กม. ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 174 กม. ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 167 กม. ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 324 กม. ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กม. และช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. ยังอยู่ในขั้นการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)
“รถไฟทางคู่ ระยะ 2 จะเป็นโครงการต่อเนื่องที่ทำให้ไม่มีช่องว่างของโครงข่ายจากโครงการระยะแรก พร้อมกันนี้จะเร่งรัดการประมูลช่วงจิระ-ขอนแก่น และมาบกระเบา-จิระ เพื่อให้โครงข่ายจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือเชื่อมต่อ สามารถขนส่งสินค้าไปยังท่าเรือแหลมฉบังได้สะดวก และเป็นโครงข่ายที่สมบูรณ์”
*** ครม.อนุมัติ สะพานไทย-กัมพูชา ก่อสร้าง 2 ปี ***
นายอาคม กล่าวอีกว่า ครม. ยังได้อนุมัติจัดทำและการลงนามร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย-รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยการก่อสร้างสะพานข้ามพรมแดนแห่งใหม่ที่บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท ในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษและเป็นจุดเชื่อมต่ออาเซียน โดยสะพานพร้อมเชิงสะพานฝั่งไทยและกัมพูชา มีระยะทาง 4.7 กม. ขนาด 2 ช่องจราจร โดยเฉพาะช่วงสะพานข้ามคลองพรมโหด มีระยะทาง 60 เมตร
ทั้งนี้ การก่อสร้างในฝั่งประเทศไทย กรมทางหลวง (ทล.) จะดำเนินการก่อสร้างรวมถนนเชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 33 รวมระยะทาง 29.925 กม. วงเงิน 4,190 ล้านบาท โดยได้รับจัดสรรงบประมาณปี 2560 จำนวน 960 ล้านบาท ส่วนสะพานและเชิงสะพานฝั่งกัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาจะเป็นผู้ดำเนินการโดยกู้เงินจากประเทศไทย วงเงิน 928 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในเดือนธ.ค.59 ระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (1 พ.ย.) ว่า ที่ประชุม ครม. อนุมัติให้ดำเนินโครงการรถไฟทางคู่ 3 เส้นทาง ได้แก่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพพ ระยะทาง 148 กม. กรอบวงเงินลงทุน 24,722.28 ล้านบาท ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กม. กรอบวงเงินลงทุน 20,046.41 ล้านบาท และช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 90 กม.กรอบวงเงินลงทุน 10,239.58 ล้านบาท ทำให้โครงการรถไฟทางคู่ในระยะแรกระยะทางรวม 995 กม. ได้รับอนุมัติครบทั้ง 7 เส้นทางแล้ว
นอกจากนี้ ยังจะมีการดำเนินการรถไฟทางคู่ระยะ 2 จำนวน 7 สาย และรถไฟทางคู่สายใหม่ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ, สายบ้านไผ่-นครพนม บรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ด้านคมนาคมขนส่ง ปี 2560 ซึ่งจะเสนอ ครม. ขออนุมัติโครงการในปี 2560 และจะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศในอาเซียนที่มีโครงข่ายรถไฟทางคู่ที่มีประสิทธิภาพครบถ้วนทั่วประเทศ โดยการก่อสร้างทั้งระยะแรกและระยะที่ 2 จะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2563-2564
ด้าน นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า รถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 17,290.63 ล้านบาท ซึ่ง ครม. ได้อนุมัติไปก่อนหน้านี้นั้นได้รับรายงานจาก นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ว่า ร่างทีโออาร์ที่ปรับใหม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท.แล้ว คาดว่าหลังวันที่ 8 พ.ย.59 จะเริ่มนำร่าง ทีโออาร์ ประกาศลงเว็บไซต์และคาดว่าจะขายแบบประกวดราคาได้ช่วงปลายเดือน พ.ย.ศกนี้ โดยประเมินว่า ทีโออาร์ ที่เปิดกว้างมากขึ้นจะทำให้มีผู้เสนอราคาได้ประมาณ 20 ราย และจะใช้ทีโออาร์นี้เป็นต้นแบบของการประมูลในเส้นทางต่อๆ ไป โดยมั่นใจว่าอีก 3 เส้นทางที่เหลือในโครงการระยะแรกจะเปิดประมูลได้ทั้งหมดภายในปี 2559
สำหรับค่าก่อสร้างช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพซึ่งมีกรอบวงเงินลงทุนค่อนข้างสูงเกือบ 2.5 หมื่นล้านบาทนั้น เนื่องจากจะต้องก่อสร้างแนวเส้นทางใหม่เป็นทางยกระดับเพื่อเลี่ยง ศาลพระกาฬ เข้าตัวเมืองจังหวัดลพบุรี เพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและโบราณสถาน ส่วนเส้นทางรถไฟเดิมเข้าตัวเมืองลพบุรี ในอนาคตจะมีการยกเลิก หรือใช้เป็นเส้นทางท่องเที่ยว
ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ระยะ 2 อีก 7 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,493 กม. ได้แก่ ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กม. ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 309 กม. ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 174 กม. ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 167 กม. ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 324 กม. ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กม. และช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. ยังอยู่ในขั้นการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)
“รถไฟทางคู่ ระยะ 2 จะเป็นโครงการต่อเนื่องที่ทำให้ไม่มีช่องว่างของโครงข่ายจากโครงการระยะแรก พร้อมกันนี้จะเร่งรัดการประมูลช่วงจิระ-ขอนแก่น และมาบกระเบา-จิระ เพื่อให้โครงข่ายจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือเชื่อมต่อ สามารถขนส่งสินค้าไปยังท่าเรือแหลมฉบังได้สะดวก และเป็นโครงข่ายที่สมบูรณ์”
*** ครม.อนุมัติ สะพานไทย-กัมพูชา ก่อสร้าง 2 ปี ***
นายอาคม กล่าวอีกว่า ครม. ยังได้อนุมัติจัดทำและการลงนามร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย-รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยการก่อสร้างสะพานข้ามพรมแดนแห่งใหม่ที่บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท ในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษและเป็นจุดเชื่อมต่ออาเซียน โดยสะพานพร้อมเชิงสะพานฝั่งไทยและกัมพูชา มีระยะทาง 4.7 กม. ขนาด 2 ช่องจราจร โดยเฉพาะช่วงสะพานข้ามคลองพรมโหด มีระยะทาง 60 เมตร
ทั้งนี้ การก่อสร้างในฝั่งประเทศไทย กรมทางหลวง (ทล.) จะดำเนินการก่อสร้างรวมถนนเชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 33 รวมระยะทาง 29.925 กม. วงเงิน 4,190 ล้านบาท โดยได้รับจัดสรรงบประมาณปี 2560 จำนวน 960 ล้านบาท ส่วนสะพานและเชิงสะพานฝั่งกัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาจะเป็นผู้ดำเนินการโดยกู้เงินจากประเทศไทย วงเงิน 928 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในเดือนธ.ค.59 ระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี.