“อาคม” เผยใน ต.ค.นี้จะเสนอรถไฟทางคู่ 3 เส้นทาง วงเงินรวมกว่า 5.5 หมื่นล้านเข้า ครม.ได้ เพื่อเข้าสู่การประมูลต่อไป ขณะที่นักลงทุนจากโปรตุเกสเข้าพบ สนใจลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ในไทย โชว์ เทคโนโลยีก่อสร้างสมัยใหม่ เตรียมหารือเจรจาจับคู่ธุรกิจ และโรดโชว์ต่อไป
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ภายในเดือนตุลาคมนี้จะนำเสนอ โครงการรถไฟทางคู่ 3 เส้นทาง ได้แก่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กม. วงเงิน 24,840.54 ล้านบาท ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กม. วงเงิน 20,036.53 ล้านบาท และช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 90 กม. วงเงิน 10,301.95 ล้านบาท เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ หลังจากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการประกวดราคาต่อไป
ทั้งนี้ ตามแผนงานในปี 2559 จะมีการดำเนินโครงการรถไฟทางคู่จำนวน 7 เส้นทาง ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้าง 2 เส้นทาง ครม.อนุมัติแล้ว 2 เส้นทาง คือ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม. มูลค่า 17,249.90 ล้านบาท และช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ โดยขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) อยู่ระหว่างปรับปรุงร่าง ร่างเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพรให้เปิดกว้างมากขึ้น และอีก 3 เส้นทางเตรียมเสนอ ครม.ในเดือนตุลาคมนี้
โดยวันนี้ (13 ต.ค.) H.E.Mr.Jorge Manuel Faria da Costa Oliveira รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐโปรตุเกส ได้เข้าพบ โดยได้แสดงความสนใจในการเข้ามาลงทุนในโครงการก่อสร้างของกระทรวงคมนาคม และต้องการนำนักธุรกิจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งจะหารือถึงการจับคู่เจรจาธุรกิจ Business Matching และการไปโรดโชว์ที่โปรตุเกส ซึ่งจะต้องหารือกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ต่อไป โดยโปรตุเกสนั้นมีประชากรเพียง 10 ล้านคน แต่มีกำลังซื้อสูง และมีความเชี่ยวชาญในเรื่องงานก่อสร้างที่ใช้เทคโนโลยีสูง เข่น คานคอนกรีตขนาดใหญ่ อุโมงค์คอนกรีตขนาดใหญ่ ซึ่งโปรตุเกสเห็นว่ารัฐบาลไทยมีแผนลงทุนโครงการขนาดใหญ่ทั้งรถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูงในแผนปี 2559 มี 20 โครงการ และในแผนปี 2560 จะมีอีกประมาณ 20 โครงการ จึงให้ความสนใจมาก
“นอกจากนี้ โปรตุเกสยังมีความเชี่ยวชาญด้านไอที เช่น เทคโนโลยีระบุตัวตนด้วยใบหน้า ซึ่งในแผนยุทธศาสตร์คมนาคม ขนส่งระยะ 20 ปี จะเน้นเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยในการขนส่ง ตั้งแต่ในช่วง 5 ปีแรกจะมีการนำเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้น เช่น ระบบ CCTV หรือการจับความเร็วรถเพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม บริษัทของโปรตุเกสมีการเข้าไปลงทุนต่างประเทศค่อนข้างมาก แต่สำหรับประเทศไทยยังเป็นเพียงการเริ่มต้น โดยยังต้องหารือในรายละเอียดกันต่อไป” นายอาคมกล่าว