นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมจัดทำการรับฟังข้อคิดเห็นของนักลงทุน หรือ Market Sounding ภายใต้โครงการจัดทำแผนแม่บทพัฒนาที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตามเส้นทางรถไฟทางคู่ 6 เส้นทาง จำนวน 12 ย่านสถานี โดยมีผู้แทนจากการรถไฟฯ ผู้แทนภาคเอกชนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มบริการนักท่องเที่ยวร่วมประชุมและเสนอแนวทางความคิด ว่า เพื่อให้แผนแม่บทการพัฒนาที่ดินของการรถไฟมีประสิทธิภาพ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจนำรายได้มาสู่การรถไฟฯ ภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการรถไฟ นอกเหนือจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการขนส่ง ทั้งปรับปรุงทางทั่วประเทศให้ขบวนรถทุกภาคสามารถเดินรถได้เร็วขึ้น การแก้ไขปัญหาจุดตัดทั่วประเทศ รวมทั้งการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ซึ่งในแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วนปี 2558-2559 มีโครงการรถไฟทางคู่ 6 เส้นทาง เส้นทางประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร , ชุมทางจิระ-ขอนแก่น , มาบกะเบา-จิระ , นครปฐม-หัวหิน , ลพบุรี-ปากน้ำโพ และหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ และแผนปฏิบัติการปี 2560 จะเพิ่มอีก 7 เส้นทาง ประกอบด้วย ปากน้ำโพ-เด่นชัย , เด่นชัย-เชียงใหม่ , ชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี , ขอนแก่น-หนองคาย , ชุมพร-สุราษฎร์ธานี , สุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา และหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ รวมเป็นโครงข่ายรถไฟทางคู่ทั่วประเทศ 13 เส้นทาง
นอกจากนี้ การรถไฟฯ ยังมีแผนการใช้ประโยชน์จากที่ดินที่มีอยู่ทั่วประเทศให้มีประสิทธิภาพ จึงต้องปรับปรุงอัตราค่าเช่าให้เป็นปัจจุบัน พัฒนาที่ดินในเชิงพาณิชย์ทั้งภายในและโดยรอบสถานี เพื่อนำผลตอบแทนมาใช้คืนการลงทุนโครงการรถไฟทางคู่ ซึ่งปัจจุบันการรถไฟทำสัญญากับผู้เช่าแบบชั่วคราวแบบ 1 ปี 3 ปี สูงสุดไม่เกิน 5 ปี และขณะนี้การรถไฟฯ ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษาทบทวนแผนแม่บทเดิม พร้อมวิเคราะห์แนวทางการพัฒนาและแนวทางการร่วมลงทุนกับเอกชน (PPP) เนื่องจากแต่ละย่านสถานีมีข้อจำกัดแตกต่างกัน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ จากนั้นจะนำผลศึกษาเสนอคณะกรรมการ ร.ฟ.ท. และจะจัดลำดับการพัฒนาในแต่ละสถานี โดยดูศักยภาพและความสนใจของนักลงทุน เป็นต้น
นอกจากนี้ การรถไฟฯ ยังมีแผนการใช้ประโยชน์จากที่ดินที่มีอยู่ทั่วประเทศให้มีประสิทธิภาพ จึงต้องปรับปรุงอัตราค่าเช่าให้เป็นปัจจุบัน พัฒนาที่ดินในเชิงพาณิชย์ทั้งภายในและโดยรอบสถานี เพื่อนำผลตอบแทนมาใช้คืนการลงทุนโครงการรถไฟทางคู่ ซึ่งปัจจุบันการรถไฟทำสัญญากับผู้เช่าแบบชั่วคราวแบบ 1 ปี 3 ปี สูงสุดไม่เกิน 5 ปี และขณะนี้การรถไฟฯ ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษาทบทวนแผนแม่บทเดิม พร้อมวิเคราะห์แนวทางการพัฒนาและแนวทางการร่วมลงทุนกับเอกชน (PPP) เนื่องจากแต่ละย่านสถานีมีข้อจำกัดแตกต่างกัน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ จากนั้นจะนำผลศึกษาเสนอคณะกรรมการ ร.ฟ.ท. และจะจัดลำดับการพัฒนาในแต่ละสถานี โดยดูศักยภาพและความสนใจของนักลงทุน เป็นต้น
