โชว์รถไฟโดยสารเฟิร์สคลาส ต.ค.นี้ได้ใช้แน่ ค่าตั๋วเท่าเดิม นายกฯ เคาะระฆังทดลองวิ่ง

“นายกฯ” เคาะระฆังปล่อยขบวนรถไฟโดยสารรุ่นใหม่ เที่ยวปฐมฤกษ์ ทดลองวิ่ง “กรุงเทพ-นครปฐม” ระบุรัฐบาลทุ่มงบพัฒนารถไฟแม้มีงบจำกัด สั่งคมนาคมมองภาพรวมยกระดับรถไฟทุกมิติ แก้จุดตัด เร่งทางคู่ เชื่อมโครงข่ายในประเทศ และต่างประเทศ ยันสร้างรถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทางเพื่ออนาคต ด้าน “อาคม” เผย ภายใน ส.ค.-ก.ย. ชง ครม.ขออนุมัติรถไฟทางคู่ 3 สาย พร้อมเตรียมแผนลงทุนปี 60 อีก 8 สายเชื่อมทั่วประเทศ

วันนี้ (29 ส.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดเดินขบวนรถใหม่ที่สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) โดยได้เยี่ยมชมรถจักรใหม่พิกัดสูง และโบกี้บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์จากนั้นได้เคาะระฆังส่งสัญญาณระหว่างปล่อยขบวนรถ เที่ยวปฐมฤกษ์ และร่วมเดินทางไปกับขบวนรถโดยสารรุ่นใหม่ เที่ยวปฐมฤกษ์ ระหว่างกรุงเทพ-นครปฐม โดยนายกฯ ได้ลงที่สถานีบางบำหรุ สถานีของสถานีรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาระบบรางเพื่อให้มีความทันสมัย แต่เนื่องจากไม่สามารถทุ่มงบประมาณที่มีไปในเรื่องใดเรื่องหนึ่งไม่ได้ ดังนั้น การพัฒนาต้องแบ่งเป็นระยะ การมีรถโดยสารรุ่นใหม่นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของรถไฟ โดยกระทรวงคมนาคมจะต้องมองในภาพใหญ่ การเชื่อมต่อระหว่างประเทศ การเชื่อมต่อภายในประเทศ ต้องเร่งรัดแก้ปัญหาจุดตัดทางรถไฟกับถนน โครงการรถไฟทางคู่ รวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทาง อย่ามองว่าเป็นการลงทุนสูงมีฮั้วผลประโยชน์เพราะไม่มีแน่ และถ้าไม่ทำวันนี้แล้ววันหน้าจะเชื่อมไปถึงยุโรปได้อย่างไร เพราะอนาคตประเทศอื่นเชื่อมกันหมด นอกจากนี้ ฝากให้รถไฟเร่งนำที่ดินที่มีมาพัฒนาใบ้ประโยชน์ให้มีรายได้เพิ่มซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อคนที่ต้องขยับขยายออกไปบ้าง แต่รถไฟต้องดูแลให้เหมาะสม ทุกคนต้องกลับมาอยู่ภายใต้กฎหมาย

“รถไฟใหม่มีความสะดวกสบาย แต่อาจจะยังวิ่งไม่ได้เร็วมากเพราะยังมีปัญหาเรื่องขีดความสามารถของราง รองรับความเร็วได้ตอนนี้ 100 กม./ชม.ซึ่งดีระดับหนึ่งแล้ว จากเดิมวิ่งได้ 60 กม./ชม. และตอนนี้ถ้าวิ่งไปเร็วก็ต้องไปจอดรถหลีกที่สถานีหน้าเพราะวิ่งสวนกันไม่ได้ ต้องเร่งรัดโครงการรถไฟทางคู่อีก สำหรับการตั้งกรมการขนส่งทางรางนั้น เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแล (Regulator) ไม่ได้เป็นการรวบอำนาจ อยากให้พนักงานรถไฟเข้าใจว่าที่ทำทั้งหมดเพื่อจะได้มีรายได้เพิ่ม และสวัสดิการจะดีขึ้นด้วย” นายกรัฐมนตรีกล่าว

ก.ย.นี้ชง ครม.อนุมัติทางคู่ 3 สาย “อาคม” ทำแผนปี 60 ลงทุนอีก 8 สาย

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลซึ่งสอดคล้องกับกรอบยุทธศาสตร์ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 5 ปี (2560-2564) โดยอยู่ระหว่างเร่งรัดโครงการตามแผนปฏิบัติการระยะที่ 2 (Action Plan) โดยเตรียมทำแผนระยะที่ 3 ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนการลงทุนระบบรางของประเทศครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ จากที่โครงการลงทุนรถไฟมีความล่าช้ามานับ 10 ปี ทั้งการพัฒนาบรืการเพื่อเพิ่มรายได้จากการโดยสารและสินค้า การพัฒนาที่ดิน ปฏิรูปองค์กรให้มีประสิทธิภาพ เพื่อเปลี่ยนการขนส่งจากถนนมาสู่ราง ซึ่งปัจจุบันมีปริมาณผู้โดยสารทางรถไฟเพียง 35 ล้านคนต่อปี หรือ 5.9% ของปริมาณการเดินทางทั้งหมด และปริมาณสินค้า 11 ล้านตันต่อปี หรือ 2.29% ของปริมาณการขนส่งสินค้าทั้งหมดซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น

สำหรับการจัดหารถโดยสารรุ่นใหม่ บริการเชิงพาณิชย์จำนวน 115 คันของการรถไฟฯ ใช้เวลากว่า 5 ปี นับจากที่ ครม.อนุมัติเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2554 จนมีการเร่งรัดลงนามสัญญา วงเงิน 4,668 ล้านบาท ส่งมอบชุดแรก 39 คันเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2559 และจะส่งมอบครบทั้ง115 คันในเดือน ต.ค. 2559 ซึ่งจะวิ่งเป็นขบวนรถด่วนพิเศษใน 4 เส้นทาง ประกอบด้วย กรุงเทพ-เชียงใหม่ กรุงเทพ-อุบลราชธานี กรุงเทพ-หนองคาย และกรุงเทพ-ชุมทางหาดใหญ่ ไป/กลับวันละ 2 ขบวนต่อวัน รวม 8 ขบวน ซึ่งสามารถรองรับผู้โดยสารได้ ประมาณ 0.9 ล้านคนต่อปี มีรายได้เพิ่มขึ้นในปีแรกเปิดให้บริการเฉลี่ยประมาณปีละ 785.1 ล้านบาท หรือโดยเฉลี่ยมีรายได้ประมาณ 1,250 ล้านบาทต่อปี รวมอายุโครงการ 25 ปี

โดยรถโดยสารรุ่นใหม่จะนำมาเปิดให้บริการเป็นขบวนรถด่วนพิเศษ เส้นทางกรุงเทพ-เชียงใหม่ ได้เป็นเส้นทางแรกในเดือน ต.ค. 2559 โดยในขบวนจะมีรถปรับอากาศนั่งและนอน ชั้นที่ 2 จำนวน 9 คัน รถปรับอากาศนั่งและนอน ชั้น 2 สำหรับผู้โดยสารที่ใช้รถวีลแชร์จำนวน 1 คัน รถปรับอากาศนั่งและนอนชั้น 1 ระดับเฟิร์สคลาส จำนวน 1 คัน และรถขายอาหารปรับอากาศจำนวน 1 คัน ภายในรถมีระบบการทำงานและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย ติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด ติดตั้งระบบสัญญาณ Wi-Fi ติดตั้งจอแอลอีดีเพื่อใช้เป็นช่องทางแจ้งข้อมูลข่าวสารพร้อมเครื่องขยายเสียง ปุ่มเรียกพนักงานฉุกเฉิน ห้องอาบน้ำ ปรับปรุงห้องสุขาใหม่ให้มีระบบเก็บสิ่งปฏิกูล เป็นต้น

ทั้งนี้ รถไฟยังคงจัดเก็บค่าโดยสารในอัตราเดิม เช่น เส้นทางกรุงเทพ-เชียงใหม่ ตู้ชั้น 1 เตียงล่าง ราคา 1,453 บาท เตียงบน ราคา 1,253 บาท ตู้ชั้น 2 เตียงล่าง ราคา 881 บาท เตียงบนราคา 791 บาท เป็นต้น

นายอาคมกล่าวว่า รถไฟดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูรถไฟ 6 เรื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ได้แก่ (1. การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้รางรถไฟทั่วประเทศรองรับน้ำหนักเพิ่มขึ้น (2. แก้จุดตัดทางรถไฟกับถนน (3. ก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะเร่งด่วน 6 เส้นทางโดยอยู่ระหว่างเสนอ ครม.ภายในเดือน สค.-ก.ย.นี้ 3 เส้นทาง ได้แก่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กม.วงเงิน 26,000.4 ล้านบาท ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กม. วงเงิน 20,036.53 ล้านบาท, ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กม. วงเงิน 24,840.54 ล้านบาท และช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 90 กม. วงเงิน 10,301.95 ล้านบาท คาดว่าจะเสนอตามไป ส่วน ช่วง ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม. มูลค่า 17,249.90 ล้านบาท ครม.อนุมัติแล้วนั้นเตรียมเสนอนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ตรวจร่างเงื่อนไขประกวดราคา (TOR) จากนั้น คาดว่าจะสามารถออก TOR และเปิดประมูลได้ราวต้นเดือน ก.ย. นี้ และในปี 2560 จะเสนออีก 8 เส้นทาง และต่อขยายรถไฟทางคู่ จากชุมพรเชื่อมไปยังหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ซึ่งจะมีการเดินรถเชื่อมต่อมาเลเซียด้วยระบบรถไฟไฟฟ้า

(4. แผนจัดการรถโดยสารรุ่นใหม่ 115 คัน (5. ยกระดับหัวรถจักรดีเซลเป็นหัวรถจักรไฟฟ้า ซึ่งจเสนอครม.ในปี 2560 เพื่อเริ่มให้บริการใน 4 เส้นทาง คือ กรุงเทพ-นครปฐม, กรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา, กรุงเทพ-อยุธยา, กรุงเทพ-หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ (6. รถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทาง เชื่อม 4 เมืองเศรษฐกิจของประเทศ