เมกะโปรเจกต์ คสช.ฟื้นเศรษฐกิจปี 59-60 รัฐบาลอนุมัติลงทุน “รถไฟฟ้า-รถไฟทางคู่” ครั้งประวัติศาสตร์ ภายในเวลา 2 ปีตั้งเป้าเคาะ รถไฟทางคู่เชื่อมโครงข่ายทั่วประเทศ ส่วนรถไฟฟ้า 10 สายในแผนแม่บทจะประมูลครบ เริ่มต้นก่อสร้างอีก 6 ปี ทยอยเปิดให้บริการได้หมด ซึ่งจะพลิกโฉมการเดินทางใน กทม.และปริมณฑลครั้งใหญ่ “เปลี่ยนชีวิตและยกระดับชีวิตคนเมือง”
นับตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นไป ประเทศไทยจะเข้าสู่ห้วงเวลาแห่งการก่อสร้าง ทั้งโครงการรถไฟฟ้าสารพัดสี รถไฟทางคู่หลายสายเชื่อมโยงในทุกภูมิภาคแบบปูพรมเต็มที่ เรียกว่าแทบทุกโครงการที่เคยเป็นแผนของหลายรัฐบาลที่ผ่านมาได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา แบบที่ไม่มีรัฐบาลชุดไหนทำมาก่อน
กระทรวงคมนาคมรับหน้าที่สำคัญในการนำนโยบาย คสช.มาขับเคลื่อน โดยกำหนดเป็นแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ปี 2559 จำนวน 20 โครงการ วงเงินลงทุนกว่า 1.4 ล้านล้านบาท โดยมีทั้งรถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ มอเตอร์เวย์ ท่าเทียบเรือ และสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 ซึ่งล่าสุดเตรียมจะเสนอแผนปฏิบัติการปี 2560 ซึ่งจะมีอีกไม่น้อยกว่า 30 โครงการ ครอบคลุมทั้ง “บก-ราง-น้ำ-อากาศ” ประเมินว่าวงเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 7-8 แสนล้านบาท
เช็กผลงาน “ครม.พลเอก ประยุทธ์” ได้เข้ามาเร่งรัดระบบรางของกระทรวงคมนาคม ประเดิมด้วยการอนุมัติโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ระยะทาง 106 กม. วงเงินลงทุน 11,348.35 ล้านบาท เมื่อปี 2558 และเริ่มก่อสร้างในเดือน ก.พ. ปี 2559 หลังจากนั้นได้อนุมัติเพิ่มอีก 6 โครงการ ตามแผนงานระยะเร่งด่วน วงเงินรวม 139,103.76 ล้านบาท โดยเริ่มก่อสร้างช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น แล้ว อีก 5 เส้นทางอยู่ระหว่างประมูล จะเคาะราคากันในต้นปี 2560
ส่วนระบบรถไฟฟ้าที่อยู่ในแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 10 สายนั้น ปี 2559 มีการอนุมัติโครงการในความรับผิดชอบของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) 3 โครงการ ได้แก่ สายสีเหลือง ระยะทาง 30.4 กม. วงเงิน 54,644 ล้านบาท ช่วงลาดพร้าว-สำโรง, สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม. วงเงิน 56,691.01 ล้านบาท ขณะนี้ รฟม.อยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเสนอ โดยจะได้ตัวผู้ชนะในกลางเดือน ธ.ค.นี้ตามนโยบาย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเร็วกว่าแผนงาน 1 เดือน ส่วนสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ระยะทาง 21 กม. วงเงิน 109,540.84 ล้านบาท เปิดยื่นซองข้อเสนอเมื่อวันที่ 31 ต.ค. ขณะนี้ได้เปิดซองข้อเสนอด้านคุณสมบัติและข้อเสนอด้านเทคนิคแล้ว โดยจะเปิดซองข้อเสนอด้านราคาในช่วงเดือน ก.พ. 2560 และคาดว่าจะลงนามได้เดือน เม.ย. 2560
เหลือสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 23.6 กม. วงเงิน 131,004.30 ล้านบาท ขณะนี้ทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ทำข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมเสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดว่าจะประชุมในเดือน ธ.ค.นี้ จากนั้นจะเสนอ ครม.ได้ปลายปีหรือต้นเดือน ม.ค. 60
ส่วนรถไฟฟ้าในความรับผิดชอบของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่ได้รับอนุมัติจาก ครม. คือ รถไฟสายสีแดงอ่อน (Missing Link) ช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก และสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง ระยะทาง 25.9 กม. วงเงิน 44,157.76 ล้านบาท อยู่ระหว่างปรับแบบรายละเอียดเพื่อให้สามารถดำเนินการได้ และการบริหารจัดการเดินรถเข้าสถานีหัวลำโพง คาดประมูลได้ประมาณกลางปี 2560
สำหรับแผนในปี 2560 เตรียมเสนอ ครม.อนุมัติรถไฟทางคู่ระยะ 2 อีก 7 โครงการ ระยะทาง 1,493 กม. และสายใหม่ 2 โครงการ รวมวงเงินถึง 433,995.4 ล้านบาท ได้แก่ ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กม., ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 309 กม., ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 174 กม., ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 167 กม., ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 324 กม., ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กม., ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม.
ทางคู่สายใหม่ 2 สาย ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ วงเงิน 76,980 ล้านบาท
สายบ้านไผ่-นครพนม วงเงิน 60,353 ล้านบาท
ส่วนรถไฟฟ้าของ รฟม. เตรียมเสนอ ครม.ในปี 2560 จำนวน 4 โครงการ วงเงินรวม 125,174.15 ล้านบาท ได้แก่ ส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้ ช่วงสมุทรปราการ-บางปู, สายสีเขียวเหนือ ช่วงคูคต-ลำลูกกา, สายสีน้ำเงิน ช่วงบางแค-พุทธมณฑลสาย 4 และสายสีส้ม (ตะวันตก) ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรมฯ
และยังมีรถไฟฟ้าของการรถไฟฯ อีก 3 โครงการ วงเงินรวม 55,123.51 ล้านบาท ได้แก่ สายสีแดง ส่วนต่อขยายจากรังสิต-ม.ธรรมศาสตร์ สายสีแดง ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา/ตลิ่งชัน-ศิริราช และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ ช่วงพญาไท-บางซื่อ-ดอนเมือง
ซึ่ง “พีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล” ผู้ว่าฯ รฟม.ระบุว่า หาก ครม.อนุมัติสายสีม่วงใต้ รฟม.จะทำราคากลางเรียบร้อยใน 1 เดือน หรือเปิดประมูลได้ในไตรมาสแรกปี 2560 และหากในปี 2560 ครม.อนุมัติรถไฟฟ้าอีก 4 สาย รฟม.จะเร่งการประกวดราคา เท่ากับปี 2560 รถไฟฟ้าในแผนแม่บทในส่วนของ รฟม.จะได้ก่อสร้างครบทั้งหมด
การผลักดันลงทุนระบบรางครั้งใหญ่ในรอบ 2 ปีของรัฐบาล คสช. ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในรัฐบาลที่ผ่านๆ มา ซึ่ง “อาคม เติมพิมยาไพสิฐ” รมว.คมนาคม ระบุว่า ที่ผ่านมา “ระบบราง ระบบขนส่งมวลชน” เป็นนโยบายของทุกรัฐบาล แต่การขับเคลื่อนไม่มี ต่างจากรัฐบาลนี้เขียนนโยบายแล้วมีการลงสู่การขับเคลื่อนอย่างจริงจัง “ติดตาม-ติดขัดตรงไหน-เร่งรัด” โดยมีกระทรวงคมนาคมเป็นผู้ปฏิบัติ
ซึ่งนอกจากระบบรางแล้ว ที่ผ่านมารัฐบาลได้ผลักดันทั้งโครงข่ายถนน 4 ช่องจราจร มอเตอร์เวย์ 3 สาย และในปี 2560 จะมีมอเตอร์เวย์สายนครปฐม-ชะอำ ระยะทาง 119 กม. วงเงิน 80,600 ล้านบาท และทางด่วน สายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอก ระยะทาง 16.923 กม. มูลค่าโครงการกว่า 3 หมื่นล้านบาท, ทางด่วน N2, ทางด่วนกระทู้-ป่าตอง
การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานครั้งประวัติศาสตร์นี้ “รองนายกฯ สมคิด” ระบุว่าไม่ใช่มองแค่เรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศเท่านั้น สิ่งสำคัญยิ่งกว่า คือเป็นการวางพื้นฐานศักยภาพของประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ที่ผ่านมา “รางไม่ต่อ...ถนนไม่เพิ่ม” ขณะใครจะเข้ามาลงทุนจะมองที่โครงสร้างพื้นฐานก่อนว่าประเทศไทยพร้อมแค่ไหน จะขนส่งสินค้าไปท่าเรือแหลมฉบัง ถนนเป็นอย่างไร ตรงนี้มีการเพิ่มโครงข่าย ขยายเป็น 4 เลน เพิ่มรถไฟทางคู่ สินค้าจากภาคอีสาน จากชายแดนกัมพูชา มาใช้ท่าเรือแหลมฉบังได้สะดวกมากขึ้น
นับได้ว่าเวลา 2 ปีภายใต้รัฐบาล คสช.เป็นห้วงเวลาสำคัญแห่งการสร้างพื้นฐานความแข็งแกร่งของประเทศเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน อย่างแท้จริง...