“นายกฯ” เร่งโครงการรถไฟทางคู่ “เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ” วงเงิน 7.68 หมื่นล้าน อยากเห็นเปิดประมูลในปี 60 “คมนาคม” บรรจุในแผนปฏิบัติการปี 60 เร่ง ร.ฟ.ท.สรุปข้อมูลเสนอ ครม. ด้าน ครม.เห็นชอบผ่อนผัน ขยายถนน 4 เลนสายเชียงใหม่-เชียงราย ช่วงผ่านอุทยานขุนแจ
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย และได้มีข้อเสนอจากภาคเอกชนและประชาชนจังหวัดเชียงรายได้ขอคำยืนยันโครงการรถไฟทางคู่เส้นทางเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ซึ่งนายกฯ เห็นด้วยกับการดำเนินโครงการ โดยมอบให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการ ซึ่งโครงการนี้ได้เริ่มคิดตั้งแต่ปี 2503 ถึงขณะนี้ปี 2559 ผ่านมา 56 ปีแล้ว ซึ่งการศึกษาและออกแบบแล้วเสร็จ รายงานการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรือ EIA (Environmental Impact Assessment ) ผ่านคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) แล้ว รอเข้าคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมชุดใหญ่ และกระทรวงคมนาคมได้บรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ปี 2560 ด้วย จะเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขออนุมติเพื่อเริ่มดำเนินการในปี 2560
โดยรถไฟทางคู่เส้นทางเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 323 กิโลเมตร วงเงิน 76,980 ล้านบาท จะให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เร่งทำแผนรายละเอียดเพื่อเสนอ ครม. โดยเส้นทางนี้นายกฯ ต้องการให้ออกประกวดราคาในปี 2560
ทั้งนี้ ตามแผนของ ร.ฟ.ท.จะมีการหารือกับฝ่ายวิศวกรเพื่อแบ่งโครงการก่อสร้างเป็น 3 ช่วง โดยจะสร้างไปพร้อมๆ กัน แทนการสร้างเป็นทางยาวรวดเดียว เพื่อให้เกิดความรวดเร็วยิ่งขึ้น และเปิดให้บริการเดินรถได้ภายในปี 2563
ซึ่งคณะกรรมการนโยบายพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพน.) ได้มีนโยบายผลักดันการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทั่วประเทศด้วยการสนับสนุนระบบโครงสร้างพื้นฐาน การให้สิทธิประโยชน์ทางการลงทุน และบริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ เพื่อให้เป็นประตูเชื่อมโยงการค้าการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน ตลอดจนดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยจังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ เพราะพื้นที่มีความสำคัญต่อการเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงการเดินทาง การค้า การลงทุนทางภาคเหนือของไทย มีชายแดนติดกับประเทศพม่า สปป.ลาว รวมทั้ง เชื่อมต่อไปถึงมณฑลยูนนาน ประเทศจีนได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ภาคเอกชนจังหวัดเชียงรายยังเสนอให้เร่งการก่อสร้างขยายถนนเป็น 4 ช่องจราจร ทางหลวง หมายเลข 103 ระหว่าง อ.ร้องกวาง จ.แพร่-อ.งาว จ.ลำปาง ซึ่งปัจจุบันมีปริมาณจราจรเพิ่มสูงขึ้น และเป็นเส้นทางจากกรุงเทพ-เชียงราย ที่สั้นที่สุด และเป็นเส้นทางที่เชื่อมรถโดยสารจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.นครพนม จ. ขอนแก่น จ.นครราชสีมา ใช้ค่อนข้างมาก
***ครม.ผ่อนผันขยาย 4 เลน ทางหลวง 118 สายเชียงใหม่-เชียงราย ช่วงผ่านอุทยานขุนแจ
สำหรับที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่ประชุมเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอขอผ่อนผันยกเว้นมติ ครม.เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2550 เพื่อก่อสร้างถนนในพื้นที่อุทยานแห่งชาติขุนแจ สำหรับโครงการทางหลวงหมายเลข 118 สายเชียงใหม่-เชียงราย (ตอน อ.ดอยสะเก็ด-บ้านแม่เจดีย์) ในช่วงที่ผ่านอุทยานแห่งชาติ ระยะทาง 9.75 กม.ขยายจาก 2 ช่องเป็น 4 ช่องจราจร ซึ่งเป็นเส้นทางที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย โดยช่วงที่ขออนุมัติดำเนินการเป็นช่วงบนเขา ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้ว โดยเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 2
ทั้งนี้ ปริมาณจราจรของเส้นทางดังกล่าวมีการเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างเชียงใหม่-เชียงราย ปริมาณจราจรในปี 2558 ช่วงเชียงใหม่-ดอยนางแก้ว ต่ำสุดประมาณ 10,663 คัน/วัน สูงสุด 39,165 คัน/วัน โดยในปี 2550 มีอุบัติเหตุครั้งใหญ่กับรถทัวร์ครูจังหวัดจันทบุรี มีผู้เสียชีวิต 20 ราย และมีต่อเนื่องปี 2556 อุบัติเหตุมีผู้เสียชีวิต 11 ราย ปี 2557 ผู้เสียชีวิต 12 ราย ปี 2558 รถทัวร์นักท่องเที่ยวจีน มีผู้เสียชีวิต 28 ราย
โดยทางหลวงหมายเลข 118 สายเชียงใหม่-เชียงราย ตอน อ.ดอยสะเก็ด-บ้านแม่เจดีย์ มีระยะทางทั้งสิ้น 44 กม. โดยได้รับงบประมาณ ปี 2560 สำหรับดำเนินการระยะทาง 9.25 กม. เหลือระยะทาง 34.75 กม. โดยจะขอจัดสรรงบประมาณในปี 2561 โดยเจรจากับสำนักงบประมาณ เพื่อเร่งดำเนินการให้เป็น 4 ช่องจราจร รวมถึงการปรับความลาดชันของเส้นทางเหลือ 8% จากปัจจุบันที่มีความลาดชันประมาณ 10% เนื่องจากอุบัติเหตุมักจะเกิดช่วงขากลับจากเชียงราย เพราะเป็นช่วงลงเขา ซึ่งจะมีการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันเพิ่มเติมด้วย