ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รองนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต มอบโยบายแก่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน พัฒนาประเทศไทยสู่ไทยแลนด์ 4.0 ย้ำ 5 จังหวัดอันดามันเร่งทำโครงการเสนอรัฐบาลขอใช้งบพัฒนากลุ่มจังหวัด 5 พันล้าน เหตุระยะเวลาในการดำเนินการจำกัด ขณะที่ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ชี้เกิดจากการก่อสร้างขวางทางน้ำ หลังน้ำลดทุกจังหวัดจะต้องเร่งแก้ปัญหาโดยด่วน
วันนี้ (6 ธ.ค.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี และคณะลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อมอบนโยบายในการกำกับติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคเขตพื้นที่ราชการที่ 7 กลุ่มภาคใต้ฝั่งอันดามัน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด และรองผู้ว่าราชการจังหวัดของแต่ละจังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดภูเก็ต พังงา ระนอง กระบี่ และตรัง นำโดย นายโชคชัย เดชอมรธัญ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง พังงา ตรัง กระบี่ รวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารคอซิมบี้ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยก้าวสู่ thailand 4.0 และน้อมนำพระราชดํารัส เรื่อง “การระเบิดจากข้างใน” เป็นหลักในการทำงาน โดยสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนให้พร้อมรับการพัฒนา และไม่ทิ้งใครไว้ด้านหลัง สร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนให้แก่ประชาชน โดยเน้นใช้พื้นที่เป็นฐานในการพัฒนา
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้แต่ละจังหวัดค้นหาศักยภาพ จุดแข็งของแต่ละจังหวัด รวมถึงจุดร่วมในการหาแนวทางความร่วมมือระหว่างกันเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ เพื่อพัฒนาสู่การเป็น thailand 4.0 และเน้นย้ำให้แต่ละจังหวัดวางแผนการจัดทำโครงการในปีงบประมาณ 2560 ซึ่งกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้รับการจัดสรรงบประมาณทั้งสิ้น 50 ล้านบาท
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุม ว่า การเดินทางมายังจังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้เพื่อติดตามปัญหาของกลุ่มจังหวัดอันดามัน ทั้ง 5 จังหวัด ว่า ทั้ง 5 จังหวัดมีปัญหาสำคัญอะไรบ้างที่เป็นปัญหาเร่งด่วนที่จะต้องรีบแก้ไข และปัญหาที่ได้รับการแก้ไขไปแล้ว ซึ่งแต่ละจังหวัดส่วนใหญ่ก็เป็นปัญหาคล้ายๆ กัน คือ เรื่องของโครงสร้างพื้นทีฐาน ปัญหาสิ่งอำนวยความสะดวก ปัญหาเรื่องของความสงบเรียบร้อย ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่จะต้องเร่งแก้ไข และทางรัฐบาลก็พร้อมที่จะเข้ามาดูแล รวมทั้งติดตามปัญหาการร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งพบว่าปีนี้มีการร้องเรียนผ่านทางศูนย์ดำรงธรรมมากขึ้น ทางรัฐบาลจึงได้สั่งการให้มีการตั้งศูนย์ดำรงธรรมขึ้นที่ว่าการอำเภอทุกแห่งด้วย และจากการติดตามความคืบหน้าพบว่า ขณะนี้ทุกจังหวัดได้จัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมที่ว่าการอำเภอทุกแห่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ส่วนอีกเรื่องที่มาติดตามในครั้งนี้คือ เรื่องของการดำเนินโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ที่ได้มีการขอรับการสนับสนุนโครงการไปเมื่อปี 59 และโครงการที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณใหม่ในปี 60 ซึ่งการของบประมาณว่าการดำเนินการที่ผ่านมามีปัญหาอะไรหรือไม่ ซึ่งจากการติดตามพบว่า การของบประมาณของหลายๆ จังหวัดขอไปแล้วมีปัญหาว่าไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากบางครั้งติดขัดในเรื่องของการขอใช้พื้นที่ เพราะฉะนั้นในเรื่องของการขอสนับสนุนงบประมาณจึงอยากให้แต่ละจังหวัดดำเนินการให้เสร็จในเรื่องที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจะต้องเขียนโครงการสำรองไว้ด้วยเพื่อให้สามารถเปลี่ยนโครงการได้
นอกจากนั้น สิ่งที่ตนมาติดตามในครั้งนี้คือ เรื่องของการขอใช้งบประมาณฉุกเฉินที่อยู่ในอำนาจการอนุมัติของรองนายกฯ เมื่อปี 59 ว่าที่ขอไปแล้วมีการดำเนินการไปได้แค่ไหนแล้ว ซึ่งพบว่าหลายๆ โครงการที่ได้งบประมาณสนับสนุนไปสามารถดำเนินการแล้วเสร็จไปหลายโครงการแล้ว เพราะฉะนั้นในส่วนของปี 60 ตนก็จะมาติดตามว่าแต่ละจังหวัดจะเสนอโครงการอะไรบ้าง ซึ่งงบดังกล่าวมีประมาณ 50 ล้านบาท สำหรับกลุ่มจังหวัดอันดามัน นอกจากนั้น สิ่งที่ตนอยากเน้นย้ำกับกลุ่มจังหวัดคือ เรื่องของการสนับสนุนงบประมาณให้แก่กลุ่มจังหวัดในการพัฒนากลุ่มจังหวัดโดยการนำเสนอโครงการเข้ามา โดยงบประมาณดังกล่าวถือว่าเป็นงบประมาณก้อนใหญ่ มูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท งบส่วนนี้ทางกลุ่มจังหวัดจะต้องเร่งเสนอโครงการเข้าไปโดยเร็วที่สุด และการเสนอโครงการจะต้องมีความพร้อมในทุกเรื่อง ซึ่งโครงการที่นำเสนอจะต้องเป็นโครงการที่สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนได้ หรือเป็นโครงการที่ทำแล้วประชาชน นักท่องเที่ยวได้ประโยชน์มากที่สุด ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงของการจัดทำโครงการ จึงอยากให้ทั้ง 5 จังหวัดคุยกันให้ดี และคำนึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่อประชาชนสูงสุด ซึ่งโครงการที่จะขอให้งบดังกล่าวรัฐบาลมีเวลาจำกัดในการดำเนินการ ให้เวลาในการจัดทำโครงการเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น เพราะฉะนั้นทุกจังหวัดจะต้องเร่งดำเนินการ และหารือร่วมกันทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อกำหนดตัวโครงการออกมาให้เร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม รองนายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวต่อไปถึงปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดอันดามัน ว่า จากการฟังบรรยายสรุปพบว่า ในส่วนของจังหวัดตรัง มีปัญหาน้ำท่วมรุนแรงที่สุด และน้ำท่วมมากสุดในรอบ 30 ปี ซึ่งสาเหตุของปัญหาน้ำท่วมเกิดจากการสร้างถนนขวางทางน้ำ และการก่อสร้างอื่นๆ ขวางทางน้ำโดยไม่ทำท่อระบาย ทำให้น้ำที่ไหลลากมาไม่มีทางออกจึงได้เออท่วมบ้านเรือนประชาชน ใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมง น้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะต้องรีบแก้ไข โดยหลังจากน้ำลดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งสำรวจ และแก้ปัญหาในการสร้างทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก
วันนี้ (6 ธ.ค.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี และคณะลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อมอบนโยบายในการกำกับติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคเขตพื้นที่ราชการที่ 7 กลุ่มภาคใต้ฝั่งอันดามัน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด และรองผู้ว่าราชการจังหวัดของแต่ละจังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดภูเก็ต พังงา ระนอง กระบี่ และตรัง นำโดย นายโชคชัย เดชอมรธัญ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง พังงา ตรัง กระบี่ รวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารคอซิมบี้ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยก้าวสู่ thailand 4.0 และน้อมนำพระราชดํารัส เรื่อง “การระเบิดจากข้างใน” เป็นหลักในการทำงาน โดยสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนให้พร้อมรับการพัฒนา และไม่ทิ้งใครไว้ด้านหลัง สร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนให้แก่ประชาชน โดยเน้นใช้พื้นที่เป็นฐานในการพัฒนา
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้แต่ละจังหวัดค้นหาศักยภาพ จุดแข็งของแต่ละจังหวัด รวมถึงจุดร่วมในการหาแนวทางความร่วมมือระหว่างกันเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ เพื่อพัฒนาสู่การเป็น thailand 4.0 และเน้นย้ำให้แต่ละจังหวัดวางแผนการจัดทำโครงการในปีงบประมาณ 2560 ซึ่งกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้รับการจัดสรรงบประมาณทั้งสิ้น 50 ล้านบาท
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุม ว่า การเดินทางมายังจังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้เพื่อติดตามปัญหาของกลุ่มจังหวัดอันดามัน ทั้ง 5 จังหวัด ว่า ทั้ง 5 จังหวัดมีปัญหาสำคัญอะไรบ้างที่เป็นปัญหาเร่งด่วนที่จะต้องรีบแก้ไข และปัญหาที่ได้รับการแก้ไขไปแล้ว ซึ่งแต่ละจังหวัดส่วนใหญ่ก็เป็นปัญหาคล้ายๆ กัน คือ เรื่องของโครงสร้างพื้นทีฐาน ปัญหาสิ่งอำนวยความสะดวก ปัญหาเรื่องของความสงบเรียบร้อย ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่จะต้องเร่งแก้ไข และทางรัฐบาลก็พร้อมที่จะเข้ามาดูแล รวมทั้งติดตามปัญหาการร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งพบว่าปีนี้มีการร้องเรียนผ่านทางศูนย์ดำรงธรรมมากขึ้น ทางรัฐบาลจึงได้สั่งการให้มีการตั้งศูนย์ดำรงธรรมขึ้นที่ว่าการอำเภอทุกแห่งด้วย และจากการติดตามความคืบหน้าพบว่า ขณะนี้ทุกจังหวัดได้จัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมที่ว่าการอำเภอทุกแห่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ส่วนอีกเรื่องที่มาติดตามในครั้งนี้คือ เรื่องของการดำเนินโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ที่ได้มีการขอรับการสนับสนุนโครงการไปเมื่อปี 59 และโครงการที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณใหม่ในปี 60 ซึ่งการของบประมาณว่าการดำเนินการที่ผ่านมามีปัญหาอะไรหรือไม่ ซึ่งจากการติดตามพบว่า การของบประมาณของหลายๆ จังหวัดขอไปแล้วมีปัญหาว่าไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากบางครั้งติดขัดในเรื่องของการขอใช้พื้นที่ เพราะฉะนั้นในเรื่องของการขอสนับสนุนงบประมาณจึงอยากให้แต่ละจังหวัดดำเนินการให้เสร็จในเรื่องที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจะต้องเขียนโครงการสำรองไว้ด้วยเพื่อให้สามารถเปลี่ยนโครงการได้
นอกจากนั้น สิ่งที่ตนมาติดตามในครั้งนี้คือ เรื่องของการขอใช้งบประมาณฉุกเฉินที่อยู่ในอำนาจการอนุมัติของรองนายกฯ เมื่อปี 59 ว่าที่ขอไปแล้วมีการดำเนินการไปได้แค่ไหนแล้ว ซึ่งพบว่าหลายๆ โครงการที่ได้งบประมาณสนับสนุนไปสามารถดำเนินการแล้วเสร็จไปหลายโครงการแล้ว เพราะฉะนั้นในส่วนของปี 60 ตนก็จะมาติดตามว่าแต่ละจังหวัดจะเสนอโครงการอะไรบ้าง ซึ่งงบดังกล่าวมีประมาณ 50 ล้านบาท สำหรับกลุ่มจังหวัดอันดามัน นอกจากนั้น สิ่งที่ตนอยากเน้นย้ำกับกลุ่มจังหวัดคือ เรื่องของการสนับสนุนงบประมาณให้แก่กลุ่มจังหวัดในการพัฒนากลุ่มจังหวัดโดยการนำเสนอโครงการเข้ามา โดยงบประมาณดังกล่าวถือว่าเป็นงบประมาณก้อนใหญ่ มูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท งบส่วนนี้ทางกลุ่มจังหวัดจะต้องเร่งเสนอโครงการเข้าไปโดยเร็วที่สุด และการเสนอโครงการจะต้องมีความพร้อมในทุกเรื่อง ซึ่งโครงการที่นำเสนอจะต้องเป็นโครงการที่สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนได้ หรือเป็นโครงการที่ทำแล้วประชาชน นักท่องเที่ยวได้ประโยชน์มากที่สุด ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงของการจัดทำโครงการ จึงอยากให้ทั้ง 5 จังหวัดคุยกันให้ดี และคำนึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่อประชาชนสูงสุด ซึ่งโครงการที่จะขอให้งบดังกล่าวรัฐบาลมีเวลาจำกัดในการดำเนินการ ให้เวลาในการจัดทำโครงการเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น เพราะฉะนั้นทุกจังหวัดจะต้องเร่งดำเนินการ และหารือร่วมกันทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อกำหนดตัวโครงการออกมาให้เร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม รองนายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวต่อไปถึงปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดอันดามัน ว่า จากการฟังบรรยายสรุปพบว่า ในส่วนของจังหวัดตรัง มีปัญหาน้ำท่วมรุนแรงที่สุด และน้ำท่วมมากสุดในรอบ 30 ปี ซึ่งสาเหตุของปัญหาน้ำท่วมเกิดจากการสร้างถนนขวางทางน้ำ และการก่อสร้างอื่นๆ ขวางทางน้ำโดยไม่ทำท่อระบาย ทำให้น้ำที่ไหลลากมาไม่มีทางออกจึงได้เออท่วมบ้านเรือนประชาชน ใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมง น้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะต้องรีบแก้ไข โดยหลังจากน้ำลดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งสำรวจ และแก้ปัญหาในการสร้างทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก