xs
xsm
sm
md
lg

BEM ฉลุย! บอร์ด รฟม.เคาะเดินรถสีน้ำเงิน ลดต้นทุนกว่าประมูล-เตรียมขายซองสายสีส้ม 1 ก.ค.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บอร์ด รฟม.เห็นชอบตาม กก.มาตรา 35 เจรจาตรง BEM รับงานเดินรถสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ตั้งเป้าเร่งเปิดช่วงรอยต่อ 1 สถานี (เตาปูน-บางซื่อ) ได้ใน 5 ธ.ค. 59 ระบุเจรจารายเดิม ประหยัดค่าก่อสร้าง ค่าลงทุนระบบอาณัติสัญญาณ ลดค่าบริหารจัดการได้หลายพันล้านดีกว่าประมูล พร้อมไฟเขียวทีโออาร์ราคากลาง เปิดประมูลสายสีส้ม 1 ก.ค.นี้ เคาะ 6 สัญญา

พลเอก ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ด รฟม.เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาผลการพิจารณาแนวทางการคัดเลือกผู้เดินรถรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ โดยมีความเห็นสอดคล้องกับมติของคณะกรรมการมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยเอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56) ที่มีนายภคพงษ์ ศิริกันทรมาศ รองผู้ว่าฯ รฟม. (วิศวกรรมและก่อสร้าง) เป็นประธาน ที่ให้ใช้แนวทางการเจรจาตรงกับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้เดินรถสายเฉลิมรัชมงคล เนื่องจากจะทำให้การเดินรถต่อเนื่องตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งประชาชนจะสะดวก ปลอดภัย และประหยัดงบประมาณ เนื่องจากสามารถใช้ศูนย์ควบคุมการเดินรถ (Center Control) ร่วม ไม่ต้องก่อสร้างใหม่, ต่อขยายระบบอาณัติสัญญาณของสายสีน้ำเงินเฉลิมรัชมงคล ไม่ต้องลงทุนซื้อระบบใหม่ ลดการลงทุนที่ศูนย์ซ่อมปลายทางถนนเพชรเกษมลง โดยจะลงทุนเพื่อเครื่องมืออุปกรณ์เพียงเล็กน้อย โดยจะลดค่าบริหารจัดการวงเงินหลายพันล้านบาทเมื่อเปรียบเทียบกับแนวทางการเปิดประมูล

หลังจากนี้จะเสนอเรื่องไปกระทรวงคมนาคมเพื่อเสนอคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการ PPP) พิจารณาต่อไป ซึ่งคาดว่าคณะ กก. PPP จะประชุมปลายเดือน มิ.ย.นี้ หากเห็นชอบแนวทางการเจรจากับ BEM ทาง รฟม.จะสามารถเริ่มขั้นตอนการเจรจาและคาดว่าจะได้ข้อยุติภายใน 2 เดือน เนื่องจาก รฟม.มีฐานข้อมูลเบื้องต้นค่าลงทุนการติดตั้งระบบ ราคารถ และค่าใช้จ่ายต่างๆ ไว้แล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขที่เป็นกลาง สามารถใช้เจรจากับรายเดิมได้ ซึ่งเมื่อเจรจาได้ข้อยุติจะเสนอกระทรวงคมนาคมเพื่อเสนอ ครม.พิจารณาตามขั้นตอนต่อไป แต่หากคณะกรรมการ PPP ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการเจรจาตรงจะต้องกลับเข้าสู่กระบวนการประมูล

พลเอก ยอดยุทธกล่าวว่า การก่อสร้างงานโยธาของสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายนั้นจะแล้วเสร็จประมาณต้นปี 2562 ดังนั้นควรจะต้องเร่งหาผู้เดินรถให้เริ่มดำเนินการได้สอดคล้องกับที่งานโยธาแล้วเสร็จเพื่อจะได้ไม่ต้องมีระยะเวลารอยต่อ เนื่องจากหลังลงนามสัญญาผู้เดินรถจะต้องใช้เวลาในการจัดหารถไฟฟ้าอีกประมาณ 36 เดือน เพื่อไม่ต้องเสียค่าบำรุงรักษา (Care of Work) ตัวโครงสร้างที่เสร็จก่อน นอกจากนี้ การเร่งหาผู้เดินรถสีน้ำเงินส่วนต่อขยายเพื่อเปิดเดินรถรอยต่อ 1 สถานีช่วงเตาปูน-บางซื่อ เร็วที่สุด ซึ่งกรณีเป็น BEM จะทำได้สะดวก โดยใช้การขยายระบบอาณัติสัญญาณจากสถานีบางซื่อและใช้รถไฟฟ้าเดิมวิ่งทะลุจากบางซื่อต่อมาได้ ซึ่งวางแผนเปิดเดินรถ 1 สถานีได้ในวันที่ 5 ธ.ค. 2559

นอกจากนี้ บอร์ดได้อนุมัติงบประมาณรวม 147 ล้านบาทต่อปีสำหรับเป็นค่าบริการรถเสริมเพื่อรองรับการเดินทางช่วง 1 สถานี (เตาปูน-บางซื่อ) ตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. 2559 ซึ่งสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูน จะเปิดให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับรถเมล์ ขสมก. จำนวน 15 คัน วงเงิน 75 ล้านบาทต่อปี ค่าใช้จ่ายของรถไฟ จำนวน 72 ล้านบาทต่อปี สำหรับวิ่งบริการวันละ 7 ชม. ระหว่าง 16.30-20.30 น.

***อนุมัติราคากลางและทีโออาร์ ขายซองสายสีส้ม 1 ก.ค.

นอกจากนี้ บอร์ด รฟม.ยังเห็นชอบร่างเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันออก) ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ระยะทาง 21.2 กม. และเห็นชอบกรอบราคากลางค่าก่อสร้างงานโยธาที่ 76,632 ล้านบาท โดยมีค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด (Provisional Sum) อีก 3,486 ล้านบาท แบ่งเป็น 6 สัญญา ประกอบด้วย สัญญาที่ 1 คือ งานก่อสร้าง (ใต้ดิน) ช่วงสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ-สถานีรามคำแหง 12 วงเงิน 20,735,752,842.84 บาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้าง (ราคากลาง) 19,829,092,043.95 บาท และค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด 906,660,798.86 บาท

สัญญาที่ 2 งานก่อสร้าง (ใต้ดิน) ช่วงสถานีรามคำแหง 12-สถานีหัวหมาก วงเงิน 21,604,596,383.47 บาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้าง (ราคากลาง) 20,659,945,819.56 บาท ค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด 944,650,563.91 บาท สัญญาที่ 3 (ใต้ดิน) ช่วงสถานีหัวหมาก-สถานีบ้านม้า วงเงิน 18,655,674,515.56 บาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้าง (ราคากลาง) 17,839,964,139.01 บาท ค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด 815,710,376.55 บาท สัญญาที่ 4 (ยกระดับ) ช่วงสถานีบ้านม้า-สถานีสุวินทวงศ์ วงเงิน 10,025,146,648.44 บาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้าง (ราคากลาง) 9,586,801,943.14 บาท ค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด 438,344,705.29 บาท

สัญญาที่ 5 งานก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงและอาคารจอดแล้วจร วงเงิน 4,915,069,490.51 บาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้าง (ราคากลาง) 4,700,160,446 บาท ค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด 214,909,044.51 บาท สัญญาที่ 6 งานระบบรางช่วงสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ-สถานีสุวินทวงศ์ วงเงิน 3,790,496,401.81 บาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้าง (ราคากลาง) 3,624,471,890.94 บาท ค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด 165,724,510.87 บาท

สำหรับวงเงินโครงการรวมที่ ครม.อนุมัติไว้อยู่ที่ 92,532 ล้านบาท จะแบ่งเป็นค่าก่อสร้างงานโยธา 76,632 ล้านบาท และค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด (Provisional Sum) 3,486 ล้านบาท ค่าจ้างที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง 2,789 ล้านบาท ส่วนค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 9,625 ล้านบาท

โดยในสัปดาห์หน้าจะประกาศร่างทีโออาร์ลงเว็บไซต์เพื่อรับฟังความคิดเห็น และเปิดขายเอกสารประกวดราคาในวันที่ 1 ก.ค. 2559 โดยให้เวลาในการจัดทำเอกสารยื่นประกวดราคา 90 วัน คาดว่าจะประกวดราคาแล้วเสร็จ ลงนามสัญญาและเริ่มการก่อสร้างได้ต้นปี 2560

ส่วนรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทางประมาณ 34.5 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 53,490 ล้านบาท และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 29.1 กม. วงเงินลงทุน 51,810 ล้านบาท โดยเป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว หรือ Monorail โดยให้เอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP- Net Cost นั้น คณะกรรมการมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.ร่วมทุน 2556 อยู่ระหว่างพิจารณา คาดว่าจะเปิดประกวดราคาได้ในเดือน ก.ค.
กำลังโหลดความคิดเห็น