“ขสมก.” แจงTOR ซื้อรถเมล์ NGV 489 คัน เผยปรับใหม่ รวมสัญญาซื้อรถและซ่อมบำรุง 10 ปี วงเงิน 4 พันล้าน ลดแบงก์การันตีเหลือ 400 ล้าน ยันเงื่อนไขเปิดกว้างรายเล็กร่วมได้ เคาะอี-อ็อกชัน 8 ก.ค.นี้ ส่วน JVCC กังวล ศาลปกครองยังไม่ตัดสิน หวั่นกระทบประมูลใหม่
วันนี้ (18 เม.ย.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้จัดชี้แจงและรับฟังความคิดเห็นร่างขอบเขตของงานโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) พร้อมซ่อมแซมและบำรุงรักษาจำนวน จำนวน 489 คัน โดยมีผู้ประกอบการเอกชน บริษัทประกอบรถยนต์ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ผู้พิการ และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เข้าร่วม
นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการ ขสมก.เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้จัดทำร่างขอบเขตของงานและร่างเอกสารการประกวดราคา (TOR) เสร็จแล้วโดยหากมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมจะเร่งปรับปรุง และเริ่มกระบวนการประกวดราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (อี-อ็อกชัน) โดยประกาศร่าง TOR ในเว็บไซต์ ขสมก. ครั้งที่ 1 วันที่ 18 เม.ย.นี้ และพิจารณารับฟังความเห็น ตามขั้นตอนจะประกาศเชิญชวนและขายเอกสารวันที่ 23-27 พ.ค. กำหนดเคาะราคาอี-อ็อกชัน ในวันที่ 8 ก.ค. 2559 และส่งมอบรถภายใน 90 วัน หลังลงนามสัญญา โดยรถล็อตแรกจะรับมอบในช่วง
สำหรับรายละเอียดของ TOR ที่มีการปรับปรุงใหม่ได้พิจารณาตามข้อสังเกตุของคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ (กวพ.อ.) 3 ข้อแล้ว ประเด็นที่ปรับใหม่เลย คือ เดิมที่แยกประมูลซื้อรถ 489 คันวงเงิน 1,738 ล้านบาทโดยใช้เงินกู้ ส่วนค่าซ่อมบำรุง 5 ปีแรก และปีที่ 6-10 ใช้วิธีเจรจาพิเศษอีกประมาณ 2,200 ล้านบาท ซึ่งจะใช้งบประมาณรายปีจ่ายตามวาระนั้น TOR ใหม่ ปรับเป็นการรวมสัญญาการซื้อรถและซ่อมบำรุงรักษา วงเงินประมาณ 4,000 ล้านบาท ดังนั้น ผู้ชนะคือผู้ที่เสนอราคารวมต่ำสุด โดยจะต้องชี้แจงรายละเอียดราคารถ ค่าซ่อมปีที่ 1-5 และปี 6-10 ให้ชัดเจน โดยหลักการชำระเงินยังเป็นเหมือนเดิม
นอกจากนี้ยังได้ปรับลดหลักประกันซองหรือแบงก์การันตีเหลือ 400 ล้านบาท หรือ 10% ของมูลค่ารวม จากเดิมที่กำหนดหลักประกันสูงถึง 3,000 ล้านบาท (หลักประกันซื้อรถ,หลักประกันซ่อมบำรุง, หลักประกันความเสียหายตัวรถ 10 ปี), ปรับการรับประกันจากเดิม 10 รายการเป็นรับประกันตัวรถทั้งคัน, ทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท หรือ 5% ของมูลค่ารวม ซึ่งเงื่อนไขใหม่ ปรับลดค่าธรรมเนียมต่างๆ ซึ่งจะเปิดกว้างให้เอกชนรายเล็กเข้าร่วมได้มากขึ้นด้วย รวมถึงได้ปรับปรุงถ้อยคำให้มีความชัดเจน
ส่วนคุณสมบัติไม่มีการปรับเปลี่ยน โดยเป็นรถขนาด 12 เมตร เป็นรถชานต่ำ (Low Floor) สามารถนำเข้าทั้งคันหรือประกอบในประเทศก็ได้
ทั้งนี้ ราคากลางซื้อรถครั้งนี้จะเอาราคาสุดท้ายที่กลุ่มบริษัท ร่วมค้า JVCC ที่มีบริษัท ช.ทวี ดอลลาเซียน จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำชนะการประกวดราคา คือคันละ 3.549 ล้านบาท ส่วนค่าซ่อมปีที่ 1-5 เฉลี่ย 925.91 บาทต่อคันต่อวัน ปีที่ 6-10 เฉลี่ย 1,635.83 บาทต่อคันต่อวัน ทำให้ราคากลางซื้อรถ 489 คันอยู่ที่ 1,735.55 ล้านบาท ค่าซ่อมปีที่ 1 -5 อยู่ที่ 826,305,231.75 บาท ค่าซ่อมปีที่ 6-10 อยู่ที่ 1,459,855,587.75 บาท รวมค่าซ่อม 10 ปี อยู่ที่ 2,286,160,819.5 บาท รวมวงเงินจัดหาครั้งนี้ 4,021,710,819.5 บาท
อย่างไรก็ตาม ผู้แทนกลุ่มบริษัท ร่วมค้า JVCC ได้สอบถาม ผอ.ขสมก.ว่า กรณีที่ ทาง JVCC ได้ยื่นฟ้องศาลปกครองกรณีที่ ขสมก.ยกเลิกการประมูลที่ผ่านมาและศาลได้รับพิจารณาแล้ว โดยการพิจารณายังไม่ได้ข้อยุติ ซึ่งบริษัทฯ กังวลว่าหาก ขสมก.เปิดประมูลคู่ขนานแล้วในอนาคตศาลตัดสินให้ ขสมก.กลับไปลงนามสัญญากับ JVCC ขสมก.จะดำเนินการอย่างไร นายสุระชัยกล่าวว่า ขสมก.มีความจำเป็นต้องเดินหน้าการประมูลใหม่ โดยหากศาลมีคำตัดสินอย่างไร ขสมก.ต้องทำตาม
