“ออมสิน” เร่ง ขสมก.สรุปแผนซื้อรถเมล์ไฟฟ้า เล็งนำร่อง 500 คันชง ครม.ในเดือน พ.ย.นี้ ยอมรับต้องรื้อแผนรถเมล์ 3,183 คันใหม่ เหตุราคารถเมล์ไฟฟ้าแพงกว่า รถ NGV ส่วนรถเมล์ NGV 489 คันไร้อนาคต ต้องรอ กวพ.อ.พิจารณาข้อร้องเรียน พร้อมเร่งแผนฟื้นฟู ขสมก.คาด 59 เดินหน้าได้ ลุ้นคลังล้างหนี้ 9.6 หมื่นล้าน จะมีกำไรใน 6 ปี ขณะที่คนพิการรวมตัวค้านซื้อรถเมล์ชานสูง
วันนี้ (28 ก.ย.) นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ตรวจเยี่ยมพร้อมให้นโยบายในการดำเนินงานแก่ผู้บริหารที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โดยในข่วงเวลา 09.30 น.มีกลุ่มผู้พิการเครื่อข่ายรถเมล์เพื่อประชาชนทุกคนต้องขึ้นได้ จำนวนกว่า 20 คน เดินทางมายื่นหนังสือต่อนายออมสิน เพื่อคัดค้านแนวคิดการจัดซื้อรถเมล์ชานสูงแทนรถเมล์ชานต่ำ เนื่องจากเป็นการลิดรอนสิทธิของคนพิการ ทางกลุ่มเครื่อข่ายต้องการให้การจัดซื้อรถเมล์ใหม่ทั้งหมดเป็นแบบชานต่ำเพื่อทำให้เกิความสะดวกในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นต่อตัวคนพิการ คนชรา เด็กและคนป่วย โดยนายออมสินได้รับข้อเสนอพร้อมทั้งยืนยันว่าจะนำไปพิจารณาประกอบการศึกษาเพื่อจัดซื้อรถเมล์เพื่อให้ทั้งผู้พิการ ทุกเพศทุกวัยสามารถใช้บริการได้
นายออมสินเปิดเผยว่า ได้ติดตามความคืบหน้าแผนฟื้นฟู ขสมก. พบว่าขณะนี้ ขสมก.มีภาระหนี้สินสะสมประมาณ 9.2 หมื่นล้านบาท โดยสิ้นปี 2558 จะเพิ่มเป็น 9.6 หมื่นล้านบาท ปัจจุบัน ขสมก.มีภาระดอกเบี้ยจ่ายถึง 250 ล้านบาทต่อเดือน ถือว่าสูงมาก โดยตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ได้อนุมัติแผนฟื้นฟูไว้หาก ขสมก.สามารถดำเนินการได้ตามขั้นตอนในแผนได้และกระทรวงการคลังพิจารณาพักชำระหนี้หรือยกหนี้ทั้งหมดได้ ขสมก.จะมีกำไรภายใน 6 ปี
ทั้งนี้ แผนฟื้นฟู ขสมก.ประกอบด้วยเรื่องการจัดซื้อ รถเมล์ NGV จำนวน 3,183 คัน, การปรับปรุงเส้นทางเดินรถเมล์, การก่อสร้างอู่จอดรถเพื่อลดค่าเช่่าปีละประมาณ 60 ล้านบาท, การเพิ่มบริการทั้งไวไฟบนรถ, การเพิ่มรายได้ต่างๆ การเพิ่มประสิทธิภาพซึ่ง ขสมก.มีพนักงานจำนวน 13,491 คน เป็นพนักงานขับรถ 5,000 คน พนักงานเก็บค่าโดยสาร 4,000 คน
ส่วนการจัดซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 489 คันซึ่งกลุ่มบริษัทกลุ่มบริษัทร่วมค้า JVCC ที่มีบริษัท ช.ทวีดอลลาเซียนจำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำ เป็นผู้ชนะการประมูลนั้น เนื่องจากบริษัท เบสท์รินกรุ๊ป จำกัด ได้ร้องเรียนไปยังคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ (กวพ.อ.) ว่ากระบวนการไม่ถูกต้อง และยังอยู่ระหว่างการพิจารณาทำให้ไม่สามารุลงนามสัญญากัยผู้ชนะประมูลได้ โดยต้องรอผลการพิจารณาของ กวพ.อ. หากตัดสินว่าไม่ถูกต้อง ขสมก.พร้อมปรับปรุงข้อบกพร่องและเริ่มกระบวนการจัดซื้อใหม่คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือนสามารถเปิดประมูลใหม่ได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องการให้เร่งจัดหารถเมล์ใหม่มาให้บริการโดยเร็ว
นายออมสินกล่าวถึงการจัดซื้อรถเมล์ไฟฟ้าว่า ขสมก.จะสรุปผลการศึกษาและเปรียบเทียบระหว่างรถเมล์ไฟฟ้ากับรถเมล์ NGV เสนอมายังกระทรวงคมนาคมในเดือน ต.ค.นี้ ตนจะเร่งนำเรื่องหารือนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และคาดว่าจะเสนอ ครม.ได้ในเดือน พ.ย.นี้ และคาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้แน่นอน โดยเชื่อว่าจะมีข้อมูลและเหตุผลเพียงพอในการเสนอ ครม. เช่น ข้อมูลเปรียบเทียบราคารถเมล์ไฟฟ้าที่สูงกว่ารถเมล์ NGV ถึง 3 เท่า ระยะเวลาในการใช้งานและค่าซ่อมบำรุงในระยะ 10-15 ปี ซึ่งรถเมล์ไฟฟ้าจะต่ำกว่ารถเมล์ NGV เป็นต้น
“ราคารถเมล์ไฟฟ้าแพงกว่ารถเมล์ NGV แต่มีข้อดีเรื่องค่าซ่อมบำรุงที่ต่ำกว่าในระยะยาว ซึ่งต้องรอดูแผน ขสมก.ก่อน รวมถึงจำนวนที่เหมาะสมในการจัดหา โดยจะต้องอยู่ในกรอบวงเงินที่ ครม.อนุมัติ 1.3 หมื่นล้านบาท จำนวน 3,183 คัน ซึ่งเป็นไปได้อาจจะจัดหารถได้น้อยกว่า 3,183 คันซึ่ง ขสมก.ต้องปรับแผนใหม่ด้วย ในขณะเดียวกัน ขสมก.จะนำรถเก่า 672 คันมาปรับปรุงใหม่ วงเงินคันละกว่า 1 ล้านบาท เพื่อนำมาวิ่งบริการเสริมด้วย” นายออมสินกล่าว
นางปราณี ศุกระศร รักษาการผู้อำนวยการ ขสมก.กล่าวว่า ตามแผนฟื้นฟู ขสมก.นั้นคาดว่ากระบวนการทั้งหมดจะแล้วเสร็จในปี 2559 โดย ขสมก.จะต้องมีการปรับปรุงเส้นทางรถเมล์ใหม่ระหว่าง ขสมก.กับรถร่วมเอกชน ซึ่งขณะนี้สรุปแล้วว่าจะเหลือ 172 เส้นทาง เป็นเส้นทาง ขสมก. 87 เส้นทาง รถร่วมเอกชน 85 เส้นทางและได้เสนอกระทรวงคมนาคมแล้ว ส่วนกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) จะทำหน้าที่เป็นผู้กำกับดูแล (Regulator) พร้อมกับรับโอนสัญญา เดินรถร่วมเอกชนไปกำกับดูแล ทั้งนี้เพื่อให้เห็นการบริหารจัดการที่ขัดเจนของ ขสมก.หลังจากนั้นว่าจะดีขึ้นอย่างไรบ้าง
สำหรับรถเมล์ไฟฟ้านั้น ตามผลศึกษาจะเสนอจัดซื้อนำร่องจำนวน 500 คัน เป็นรถชานต่ำ ประกอบในประเทศ ราคาคันละประมาณ 10 ล้านบาท โดยจะสรุปข้อมูลเสนอกระทรวงคมนาคมเร็วที่สุด
