xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.สผ.หั่นงบลงทุนปีนี้ 10% TOP ปลื้มรับรู้รายได้จาก LAB-โรงไฟฟ้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ปตท.สผ.หั่นงบลงทุนปีนี้ลง 10% เหลือ 3 พันล้านเหรียญรับมือราคาน้ำมันผันผวน โดยคงยอดขายปิโตรเลียมไว้เท่าปีก่อน แสวงหาโอกาสที่จะซื้อแหล่งปิโตรเลียมในภูมิภาคนี้เพิ่ม พร้อมเลื่อนการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าออกไป ด้านไทยออยล์ยอมรับปีนี้ GIM ลดลง แต่มีรายได้เสริมจากโรงไฟฟ้า SPP 2 โรง และโครงการผลิต LAB เข้ามาทดแทน

นายยงยศ ครองพาณิชย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานการเงิน กลุ่มงานการเงินและบัญชี บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ จะปรับลดการลงทุนลง 10% จากเดิมที่ตั้งงบลงทุนไว้ในปี 2559 ไว้ 3.41 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพียง 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อรับมือกับราคาน้ำมันที่ผันผวนจากปีนี้ที่ประเมินว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 30-40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

โดยยอมรับว่าโครงการลงทุนแหล่งแคช เมเปิลที่ออสเตรเลีย และแหล่งมารีนา ออยล์แซนด์ที่แคนาดาจะเลื่อนการลงทุนออกไปก่อน เนื่องจากราคาออยล์แซนด์ต่ำมาก ส่วนโครงการคอนแทรค 4 (แหล่งอุบล) โครงการผลิตน้ำมันดิบฮัสซีเบอราเกซ ที่แอลจีเรีย และแหล่งเอ็ม 3 ในพม่าคงศึกษาว่าจะผลิตนำเข้ามาอย่างไรภายใต้ราคาน้ำมันต่ำเช่นนี้ ส่วนโครงการโมซัมบิกยังเดินหน้าต่อไป หลังจากเจรจาหาผู้ซื้อก๊าซ LNG ได้แล้ว 8 ล้านตัน/ปี

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ก็มีเป้าหมายที่จะลดต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) ลงมาอีก 10%มาอยู่ที่ 34-35 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากปีก่อนที่มีต้นทุนต่อหน่วยอยู่ที่ 38 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และมีต้นทุนการเงิน (Cash Cost) ที่ 15 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยปีนี้บริษัทฯ จะเจรจาขอลดค่าเช่าอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งค่าเจาะสำรวจเพิ่มเติมนอกเหนือจากการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ พร้อมกันนี้ก็เตรียมความพร้อมรับมือกรณีที่ราคาน้ำมันกลับมาสูงขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทจะรักษาระดับปริมาณการขายปิโตรเลียมให้ใกล้เคียงปี 2558 ที่ 3.22 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน รวมทั้งแสวงหาโอกาสการลงทุนซื้อกิจการแหล่งปิโตรเลียมที่มีการผลิตแล้วหรือเตรียมจะผลิตในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งแหล่ง Shale Gas/Shale Oil ในสหรัฐฯ ที่ปัจจุบันเริ่มมีการปิดตัวจากราคาน้ำมันต่ำเพื่อเพิ่มปริมาณสำรองและการขายปิโตรเลียมด้วย หลังจากแผนการซื้อหุ้นในแหล่งบงกชจากบีจีต้องเลื่อนออกไปก่อน

นายยงยศกล่าวต่อไปว่า จากราคาน้ำมันดิบในช่วง ม.ค.-ก.พ.ที่ผ่านมาได้อ่อนตัวลงมาระดับกว่า 20-30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล บริษัทฯ ไม่มีแผนจะตั้งด้อยค่าสินทรัพย์เพิ่มเติมในไตรมาส 1/2559 จากที่เคยทำไว้เมื่อช่วงไตรมาส 3/2558 ที่ได้ประเมินไว้ระดับ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพราะยังเร็วเกินไป คงต้องประเมินแนวโน้มราคาน้ำมันที่ควรจะเป็นในอนาคตและแผนการลดต้นทุน ค่าใช้จ่ายต่างๆ

ส่วนกรณีที่ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส อยู่ระหว่างทบทวนอันดับเครดิตเรตติ้งของบริษัท โดยคาดว่าจะทราบผลภายในเดือน มี.ค.นี้ บริษัทฯ คาดว่าทางมูดี้ส์น่าจะคงอันดับเรตติ้งเท่าเดิม หลังจากบริษัทฯ ได้ส่งแผนการลดต้นทุน และข้อมูลฐานะการเงินของบริษัท ซึ่งมีกระแสเงินสดสูงถึง 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐซึ่งเพียงพอต่อการลงทุน

อย่างไรก็ตาม หากถูกปรับลดอันดับเรตติ้งก็ไม่มีผลกระทบต่อต้นทุนทางการเงินมากนัก เนื่องจากบริษัทมีกระแสเงินสดเพียงพอต่อการลงทุนได้  


นางสาวภัทรลดา สง่าแสง รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการเงินและบัญชี บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP) กล่าวว่า ในปีนี้คาดว่าค่าการกลั่นรวมเฉลี่ย (GIM) น่าจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 7-8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากปีก่อน 9.1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากราคาน้ำมันเบนซินที่อ่อนตัวลง แต่บริษัทฯ จะรับรู้รายได้เพิ่มเติมจากโครงการใหม่ ทั้งโครงการผลิต LAB ขนาด 1 แสนตัน/ปี และโรงไฟฟ้าSPP ทั้ง 2 โรง คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 239 เมกะวัตต์ที่จะจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ในเดือน เม.ย. และ มิ.ย. 2559 รวมทั้งมาร์จิ้นจากธุรกิจอะโรเมติกส์ปีนี้ยังดีอยู่จากความต้องการใช้ในจีน และสหรัฐฯ

“โครงการผลิตไฟฟ้า SPP 2 โรงจะสร้างกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA) ปีละ 1,850 ล้านบาท โดยปีนี้บริษัทฯ รับรู้รายได้ 6-8 เดือน ขณะที่โครงการ LAB จะช่วยเพิ่ม GIM อีก 0.4-0.6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล”

ส่วนการศึกษาโครงการเพิ่มมูลค่าน้ำมันเตาเป็นน้ำมันสำเร็จรูป (Residue Upgrading) และติดตั้งหน่วยกลั่นน้ำมันดิบใหม่ที่ 4 (CDU 4) แทนหน่วยกลั่นน้ำมันดิบ 1 และ 2 ทำให้โรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์สามารถกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 2.75 แสนบาร์เรล/วันเป็น 4 แสนบาร์เรล/วัน คาดว่าจะมีความชัดเจนในปลายปี 2559 โดยปีนี้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะรักษาระดับการกลั่นเฉลี่ย 3 แสนบาร์เรล/วัน หรือคิดเป็น 108%ของกำลังการกลั่นเท่ากับปีที่แล้ว

ด้านนายพิจินต์ อภิวันทนาพร ผู้จัดการฝ่ายลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ว่ามูดี้ส์จะปรับลดหรือคงอันดับเรตติ้งของ ปตท.ไว้เท่าเดิม แต่บริษัทมีความมั่นใจในฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง คาดว่าผลการประเมินจากมูดี้ส์ฯ จะออกมาในช่วงสัปดาห์ที่ 3 เดือน มี.ค.นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น