“ปตท.สผ.” ตั้งเป้าปริมาณการขายปิโตรเลียมปี 59 ใกล้เคียงปีนี้ที่ 3.3 แสนบาร์เรล/วัน โดยมีกำลังการผลิตน้ำมันดิบจากแอลจีเรียเข้ามาชดเชยแหล่งเยตากุนที่ผลิตลดลง เผยสภาพคล่องเพียบเตรียมคืนหนี้ก่อนกำหนดในไตรมาส 4 อีก 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้าน ปตท.ยอมรับเป้าการลงทุนปีนี้ลดลงเหลือแค่ 5 หมื่นล้านบาท เร่งรีวิวแผนธุรกิจรับมือน้ำมันร่วง
น.ส.เพ็ญจันทร์ จริเกษม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและบัญชี บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯ ตั้งเป้าปริมาณการขายปิโตรเลียมใกล้เคียงปี 2558 หรือโตขึ้นเล็กน้อยจากปีนี้ที่คาดว่าปริมาณการขายปิโตรเลียมอยู่ที่ 3.3 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน เนื่องจากมีกำลังการผลิตน้ำมันดิบขนาด 2 หมื่นบาร์เรล/วันในแหล่งเบอร์ซาบา ที่แอลจีเรีย มาชดเชยปริมาณการผลิตก๊าซฯ จากแหล่งเยตากุนในพม่าที่จะลดลงในปีหน้า
จากราคาน้ำมันดิบดูไบที่ลดลงหลุด 40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เมื่อต้นสัปดาห์นี้ เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อกำไรจากการขายในไตรมาส 4/2558 เนื่องจากบริษัทฯ ได้ซื้อประกันความเสี่ยงน้ำมัน (เฮดจิ้ง) ไว้แล้ว รวมทั้งได้มีการซื้อประกันความเสี่ยงน้ำมันสำหรับปีหน้าไว้บางส่วนแล้วคิดเป็น 16% ของปริมาณน้ำมันที่จะทำเฮดจิ้งไว้ 25-26 ล้านบาร์เรล ทั้งนี้เพื่อไม่ให้กระทบต่อเป้าหมายกำไรที่ ปตท.สผ.ตั้งเป้าไว้ โดยบริษัทตั้งงบการลงทุนสำหรับปี 2559 ประมาณ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐใกล้เคียงปีนี้ โดยการลงทุนส่วนใหญ่เป็นการรักษาระดับการผลิตปิโตรเลียมไม่ให้ลดลง รวมทั้งเตรียมตัดสินใจสรุปการลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) ในแหล่งโมซัมบิก และแหล่งอุบลในปีหน้าด้วย
ในปีหน้าราคาน้ำมันยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา รวมทั้งแนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะทำให้ดอกเบี้ยในไทยปรับขึ้นนั้น บริษัทฯ ไม่ได้กังวลเรื่องอัตราดอกเบี้ยเนื่องจากได้มีการปรับพอร์ตหนี้ไว้อย่างเหมาะสม โดยเป็นหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยคงสัดส่วน 80% ของหนี้ทั้งหมด และที่เหลือเป็นหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทมีเงินสดในมือสูงถึง 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ สิ้นไตรมาส 3/2558 ดังนั้นบริษัทมีแผนที่จะคืนหนี้เงินกู้ก่อนกำหนดในไตรมาส 4/2558 จำนวน 300 ล้านเหรียญสหรัฐ มีผลทำให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลงจากปัจจุบันค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยอยู่ที่ 4% แต่สิ่งที่กังวลคือค่าเงินบาทที่จะอ่อนค่าลงหากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อันจะมีผลทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายภาษีที่เพิ่มขึ้น
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท.กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่ม ปตท.อยู่ระหว่างการทบทวนแผนธุรกิจและการลงทุนที่คาดว่าจะมีความชัดเจนในเดือนธันวาคมนี้ หลังราคาน้ำมันดิบต่ำกว่า 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล คาดว่าเม็ดเงินลงทุนของ ปตท.ใน 5 ปีข้างหน้า (2559-2563) จะอยู่ที่ 3 แสนล้านบาท โดยการลงทุนใหญ่จะเป็นการลงทุนท่อก๊าซฯ เส้นที่ 5 ใช้เงินลงทุนรวม 1 แสนล้านบาท และแอลเอ็นจี เทอร์มินัลเฟส 2 อีก 5 ล้านตัน โดยปีนี้ยอมรับว่าเม็ดเงินลงทุนไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้เดิมที่ 7 หมื่นล้านบาท ก่อนจะปรับลดลงมาเหลือ 5.5 หมื่นล้านบาทเมื่อกลางปีนี้ แต่คาดว่าสิ้นปี 2558 งบลงทุนของ ปตท.จะอยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท โดยมีบางโครงการจะชะลอการลงทุนไปเป็นปี 2559 แทน
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.กล่าวว่า ในเร็วๆ นี้จะเปิดตัวสถานีบริการน้ำมันที่ร่วมสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนจำนวน 48 แห่งทั่วประเทศ โดยจะให้ชุมชนแต่ละแห่งสามารถนำสินค้าท้องถิ่นมาจำหน่ายได้ ควบคู่กับการเป็นพื้นที่สนับสนุนข้อมูลการท่องเที่ยวและส่งเสริมสุขภาพชุมชน โดยจะเป็นการทำงานร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส.