ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม ไตรมาส 2 ปีนี้กำไรหายไป 16,874.56 ลบ. หรือลดลง 93% จากงวดนี้ปีก่อนที่ทำไว้ 18,186.59 ล้านบาท เหตุขาดทุนจากค่าเงิน และรายได้จากการขายลดลง
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP แจ้งผลงานไตรมาส 2 ปี 58 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,312.03 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 18,186.59 ล้านบาท หรือกำไรลดลง 16,874.56 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 93% ขณะที่ตัวเลขในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐพบว่า ปตท.สผ. และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 525 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 93% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2 ปี 2557 จำนวน 560 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากรายได้จากการขายลดลง 510 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผลของราคาขายเฉลี่ยลดลงเป็น 48.47 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบแม้ว่าปริมาณการขายเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเป็น 325,534 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน โดยเพิ่มขึ้นจากโครงการซอติก้าที่เริ่มมีการขายก๊าซในพม่า ในเดือนมีนาคม 2557 และผลิตเต็มกำลังการผลิตในเดือนสิงหาคม 2557 และค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น 108 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามสินทรัพย์พร้อมใช้งานของโครงการคอนแทร็ก 4 โครงการเอส 1 และโครงการอาทิตย์ และตามปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นของโครงการซอติก้า
อย่างไรก็ตาม ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมลดลง 97 ล้านดอลลาร์ สรอ.ตามกำไรที่ลดลง ขาดทุนจากรายการ Non-Recurring สำหรับไตรมาส 2 ปี 2558 จำนวน 159 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เปลี่ยนแปลงลดลง182 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากไตรมาส 2 ปี2557 ที่มีกำไรจากรายการ Non-Recurring 23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยส่วนใหญ่เกิดจากรายการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และภาษีเงินได้ที่เกิดจากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับไตรมาส 2 ปี 2558 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2557
สำหรับงวด 6 เดือนแรกปี 58 ปตท.สผ. และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 299 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 641 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 68 เมื่อเปรียบเทียบกับงวด 6 เดือนสิ้นสุดเดือนมิถุนายน ปี 2557 จำนวน 940 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากรายได้จากการขายที่ลดลง 860 ล้านดอลลาร์สรอ. จากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลงเป็น 48.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ แม้ว่าปริมาณการขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 326,335 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากโครงการซอติก้าที่เริ่มมีการขายในสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ในเดือนมีนาคม 2557 และเริ่มมการผลิตเต็มกำลังในเดือนสิงหาคม 2557 นอกจากนี้ ค่าเสื่อมราคา ค่าสูญสิ้น และค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 337 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามสินทรัพย์พร้อมใช้งานที่เพิ่มขึ้นของโครงการคอนแทร็ก 4 อาทิตย์ และเอส 1 รวมถึงโครงการซอติก้าที่ค่าเสื่อมราคา ค่าสูญสิ้น และค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นตามสินทรัพย์พร้อมใช้งาน และปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 142 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยหลักจากโครงการพีทีทีอีพี ออสตราเลเชีย ที่ในไตรมาส 1 ปี2557 มีค่าใช้จ่ายส่วนที่เกินกว่าปกติในการเจาะหลุมพัฒนา (หลุม H5) และโครงการแคนาดา ออยล์ แซนด์ เคเคดี เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือสัดส่วน นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ครึ่งปีแรกสำหรับงวด 6 เดือน ปี 2558 ลดลงตามกำไรที่ลดลง
และขาดทุนจากรายการ Non-Recurring สำหรับงวด 6 เดือน ปี 2558 จำนวน 143 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เปลี่ยนแปลงลดลง 154 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากงวด 6 เดือน ปี 2557 ที่มีกำไรจากรายการ Non-Recurring 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนใหญ่จากขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และภาษีเงินได้ที่เกิดจากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากค่าเงินบาทอ่อนค่า
พร้อมกันนี้ คณะกรรมการบริษัทยังมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลงานรวมของกลุ่มบริษัทฯ งวด 6 เดือนแรกของปี 2558 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 1 บาท โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักกำรโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 7 สิงหาคม 2558 และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 สิงหาคม 2558
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP แจ้งผลงานไตรมาส 2 ปี 58 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,312.03 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 18,186.59 ล้านบาท หรือกำไรลดลง 16,874.56 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 93% ขณะที่ตัวเลขในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐพบว่า ปตท.สผ. และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 525 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 93% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2 ปี 2557 จำนวน 560 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากรายได้จากการขายลดลง 510 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผลของราคาขายเฉลี่ยลดลงเป็น 48.47 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบแม้ว่าปริมาณการขายเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเป็น 325,534 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน โดยเพิ่มขึ้นจากโครงการซอติก้าที่เริ่มมีการขายก๊าซในพม่า ในเดือนมีนาคม 2557 และผลิตเต็มกำลังการผลิตในเดือนสิงหาคม 2557 และค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น 108 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามสินทรัพย์พร้อมใช้งานของโครงการคอนแทร็ก 4 โครงการเอส 1 และโครงการอาทิตย์ และตามปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นของโครงการซอติก้า
อย่างไรก็ตาม ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมลดลง 97 ล้านดอลลาร์ สรอ.ตามกำไรที่ลดลง ขาดทุนจากรายการ Non-Recurring สำหรับไตรมาส 2 ปี 2558 จำนวน 159 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เปลี่ยนแปลงลดลง182 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากไตรมาส 2 ปี2557 ที่มีกำไรจากรายการ Non-Recurring 23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยส่วนใหญ่เกิดจากรายการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และภาษีเงินได้ที่เกิดจากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับไตรมาส 2 ปี 2558 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2557
สำหรับงวด 6 เดือนแรกปี 58 ปตท.สผ. และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 299 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 641 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 68 เมื่อเปรียบเทียบกับงวด 6 เดือนสิ้นสุดเดือนมิถุนายน ปี 2557 จำนวน 940 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากรายได้จากการขายที่ลดลง 860 ล้านดอลลาร์สรอ. จากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลงเป็น 48.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ แม้ว่าปริมาณการขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 326,335 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากโครงการซอติก้าที่เริ่มมีการขายในสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ในเดือนมีนาคม 2557 และเริ่มมการผลิตเต็มกำลังในเดือนสิงหาคม 2557 นอกจากนี้ ค่าเสื่อมราคา ค่าสูญสิ้น และค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 337 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามสินทรัพย์พร้อมใช้งานที่เพิ่มขึ้นของโครงการคอนแทร็ก 4 อาทิตย์ และเอส 1 รวมถึงโครงการซอติก้าที่ค่าเสื่อมราคา ค่าสูญสิ้น และค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นตามสินทรัพย์พร้อมใช้งาน และปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 142 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยหลักจากโครงการพีทีทีอีพี ออสตราเลเชีย ที่ในไตรมาส 1 ปี2557 มีค่าใช้จ่ายส่วนที่เกินกว่าปกติในการเจาะหลุมพัฒนา (หลุม H5) และโครงการแคนาดา ออยล์ แซนด์ เคเคดี เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือสัดส่วน นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ครึ่งปีแรกสำหรับงวด 6 เดือน ปี 2558 ลดลงตามกำไรที่ลดลง
และขาดทุนจากรายการ Non-Recurring สำหรับงวด 6 เดือน ปี 2558 จำนวน 143 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เปลี่ยนแปลงลดลง 154 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากงวด 6 เดือน ปี 2557 ที่มีกำไรจากรายการ Non-Recurring 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนใหญ่จากขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และภาษีเงินได้ที่เกิดจากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากค่าเงินบาทอ่อนค่า
พร้อมกันนี้ คณะกรรมการบริษัทยังมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลงานรวมของกลุ่มบริษัทฯ งวด 6 เดือนแรกของปี 2558 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 1 บาท โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักกำรโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 7 สิงหาคม 2558 และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 สิงหาคม 2558