“เทวินทร์” ว่าที่ซีอีโอ ปตท.คนใหม่ เผยธุรกิจพลังงานมีความท้าทายมากหลังราคาปรับลดลง ต้องวางแผนเตรียมพร้อมรับมือเพื่อให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีหน้าที่หลักในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศซึ่งถือเป็นภารกิจเร่งด่วนของ ปตท. รวมทั้งเร่งสร้างความเข้าใจกับภาคประชาชนหวังเป็นองค์กรที่ประชาชนภาคภูมิใจ แย้มระดมสมองผู้บริหารระดับกลางและสูงเพื่อกำหนดแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี เตรียมหารือบอร์ด ปตท.กลางเดือนหน้า
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายกิจการสังคม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภารกิจเร่งด่วนของ ปตท.ในฐานะว่าที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท. ซึ่งมีผลบังคับในวันที่ 10 ก.ย. 2558 ว่า ขณะนี้ธุรกิจด้านพลังงานมีความท้าทายหลังจากราคาพลังงานปรับตัวลดลงมา โดยองค์กร ปตท.ต้องมีการเตรียมพร้อมเพื่อให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน โดยมีหน้าที่ในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและการจัดหาพลังงานซึ่งเป็นหน้าที่หลัก
นอกจากนี้ ยังต้องพิจารณาโครงการลงทุนของกลุ่ม ปตท.ให้สอดคล้องกับความผันผวนราคาพลังงาน โดยจะมีการทบทวนการลงทุน ซึ่งโครงการใดที่จะดำเนินการต่อจะมีแนวทางการบริหารจัดการอย่างไรเพื่อให้โครงการเดินหน้าต่อไป
ส่วนประเด็นด้านสังคมที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในองค์กร ปตท. หรือแม้แต่ศักยภาพด้านพลังงานของประเทศเอง ตนมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและน้อมรับความคิดเห็นต่างๆ จากภาคประชาชนเพื่อนำมาปรับปรุงและผลักดันให้ ปตท.เป็นองค์กรที่รักของประชาชนนับจากนี้ไป
“การเข้ามารับตำแหน่งซีอีโอ ปตท.คนใหม่คงไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายเดิมอย่างพลิกผัน แต่จะสานต่องานเดิมเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน รวมทั้งการจัดหาพลังงาน และสร้างความเข้าใจด้านพลังงานให้ถูกต้องต่อสังคม ประเด็นใดที่สังคมมีความเคลือบแคลงก็พร้อมที่จะพูดคุย ชี้แจงให้มากยิ่งขึ้น โดยจะส่งเสริมให้พนักงาน ปตท.มีส่วนร่วม และเป็นตัวแทน ปตท.ในการสร้างความเข้าใจต่อสังคมด้วย”
สำหรับทิศทางของ ปตท.ในอนาคต ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแผนกลยุทธ์องค์กรระยะยาว 20 ปี โดยได้ระดมสมองของผู้บริหารระดับกลางซึ่งจะเป็นผู้บริหารระดับสูงในอนาคต โดยมีผู้บริหารระดับสูงนำประสบการณ์มาชี้แนะ โดยจะนำข้อเสนอแนะดังกล่าวหารือกับกรรมการบริษัท ปตท.ในกลางเดือน ก.ค.นี้
ปัจจุบันธุรกิจ ปตท.อยู่ในช่วงที่ต้องมีการแข่งขันด้านประสิทธิภาพและต้นทุน เพราะธุรกิจหลายประเภทเข้าสู่วัฏจักรค่อนข้างจะอิ่มตัว จำเป็นต้องมีการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ได้ และถ้าต้องการให้องค์กรมีการเติบโตต่อไปได้ จำเป็นต้องหาโมเดลธุรกิจใหม่ เช่นการนำโมเดล ปตท.ในไทยไปต่อยอดในต่างประเทศ หรือหาธุรกิจใหม่ที่อาศัยความเข้มแข็งบนพื้นฐานสินทรัพย์และบุคลากรของ ปตท.ที่มีอยู่ต่อยอดธุรกิจออกไป
ซึ่งหลังจากการหารือร่วมกับกรรมการบริษัทฯ ในเดือนหน้าแล้ว ก็จะนำคำเสนอแนะดังกล่าวมาจัดทำแผนงานและวางงบประมาณให้แล้วเสร็จในปลายปีนี้ โดย ปตท.ยังคงจัดทำแผนการลงทุน 5 ปีเหมือนเดิม ส่วนแผน 20 ปีนี้เป็นการกำหนดทิศทางองค์กรที่จะเดินหน้าต่อไปต้องเตรียมตัวอย่างไรในอนาคต
เมื่อเร็วๆ นี้คณะกรรมการบริษัท ปตท.ได้ทบทวนแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยอนุมัติปรับลดแผนการลงทุนปี 2558 จาก 77,280 ล้านบาท ลงเหลือ 55,663 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการปรับลดแผนการลงทุนในต่างประเทศของธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติที่ยังไม่มีโอกาสในการลงทุนที่ชัดเจน
วันนี้ (30 มิ.ย.) นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เป็นประธานส่งมอบระบบก๊าซชีวภาพจากฟาร์มสุกรชุมชนท่ามะนาว จ.ลพบุรี โดยมีนายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี และนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ซีอีโอ ปตท.สผ.ในฐานะตัวแทนกลุ่ม ปตท. และผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงรุ่นที่ 3 ของสถาบันวิทยาการพลังงาน (วพน.3) กล่าวถึงวัตถุประสงค์การดำเนินการ
โดยโครงการดังกล่าวนี้ ทาง ปตท.กับ วพน.3 ได้ต่อยอดและพัฒนางานระบบผลิตและส่งจ่ายก๊าซชีวภาพระดับชุมชนจากมูลสุกร จากเดิมที่ผลิตก๊าซจากมูลสุกร 1 ฟาร์มส่งจ่ายก๊าซเป็นเชื้อเพลิงได้ 10 ครัวเรือน และขยายเพิ่มเป็น 4 ฟาร์มส่งจ่ายก๊าซผ่านทางท่อเป็นระยะทาง 4 กม.ไปยัง 130 ครัวเรือน โดยคิดค่าก๊าซเพียงเดือนละ 55 บาท ต่ำกว่าภาระค่าใช้จ่ายราคาแอลพีจีที่ครัวเรือนซื้อใช้เฉลี่ยเดือนละ 200 บาท ทำให้โครงการดังกล่าวมีแผนที่จะขยายการผลิตก๊าซจากมูลสุกรเพิ่มขึ้นในพื้นที่ใกล้เคียงในอนาคต