“ปตท.” คาดราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบปีหน้าเฉลี่ย 54 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากสิ้นปีนี้ที่คาดว่าอยู่ที่ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนผลดำเนินงานไตรมาส 4/58 คาดดีขึ้นกว่าไตรมาส 3 ที่ขาดทุน เนื่องจากราคาน้ำมันนิ่งและมาร์จินปิโตรเคมีดี ด้านปลัดกระทรวงพลังงานเผยศึกษายกเลิกการจำหน่ายอี 10 ใน 8 ปีข้างหน้าโดยหนุนรถยนต์ใช้อี 20 แทน
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังงานสัมมนา The Annual Petroleum Outlook Forum จับตาน้ำมันโลก รับมืออนาคตน้ำมันไทย วันนี้ (11 พ.ย.) ว่า ปตท.คาดว่าราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบในปีหน้าอยู่ที่ 54 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งแนวโน้มราคาน้ำมันยังคงผันผวนอยู่และปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบจากปี 2558 ที่คาดว่าสิ้นปีนี้อยู่ระดับ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ส่วนผลการดำเนินงาน ปตท.ในไตรมาส 4/2558 คาดว่าจะดีกว่าไตรมาส 3/2558 เนื่องจากราคาน้ำมันผันผวนน้อยกว่าไตรมาส 3 ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากเข้าสู่ฤดูหนาว อีกทั้งธุรกิจปิโตรเคมีก็ยังมีมาร์จินที่ดีอยู่ เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลงตามราคาน้ำมัน แต่ผลิตภัณฑ์พลาสติกปรับลดราคาช้ากว่า
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ผลประกอบการของ ปตท.ในไตรมาส 3/2558 มีผลขาดทุนสุทธิ เนื่องจากรับรู้รายได้ตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทลูก โดยเฉพาะ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) ไตรมาส 3/2558 มีผลขาดทุนสุทธิ 4.62 หมื่นล้านบาท และไทยออยล์ ขาดทุน 2.29 พันล้านบาท
ส่วนกระแสเงินสดที่มีอยู่ 2 แสนล้านบาทของกลุ่ม ปตท.นั้น นายเทวินทร์กล่าวว่า เป็นการเตรียมพร้อมเพื่อใช้ในการลงทุนโครงการต่างๆตามแผนงานที่วางไว้ รวมถึงการซื้อกิจการต่างๆ ซึ่งถือเป็นข้อดีเป็นการความมั่นคงทางการเงิน หากราคาน้ำมันต่ำกว่านี้ กลุ่ม ปตท.ก็ยังดำเนินธุรกิจต่อไปได้
นายอารีพงศ์ ภู่ชะอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานได้จัดทำแผนบูรณาการด้านพลังงานในอนาคต เช่น แผนพัฒนาไฟฟ้าระยะยาว 20 ปีที่ต้องการลดการพึ่งพาการใช้ก๊าซฯ 70% ให้เหลือเพียง 40% ในอีก 10 ปี โดยจะหันไปใช้พลังงานทดแทน พลังน้ำและถ่านหินมากขึ้น และแผนน้ำมัน เป็นต้น
โดยแผนน้ำมัน ได้ดูภาพรวมการใช้พลังงานไทยควบคู่กับการส่งเสริมพลังงานทดแทน แต่ต้องหารือกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรฯ ที่ต้องเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกอ้อยและปาล์มน้ำมัน เพื่อให้ต้นทุนแข่งขันประเทศอื่นได้ เนื่องจากปัจจุบันต้นทุนพืชพลังงานยังแพง ขณะเดียวกันได้หารือกับผู้ประกอบการรถยนต์เพื่อเตรียมพร้อมส่งเสริม การใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น
สำหรับกลุ่มเบนซิน กำลังศึกษาว่า 8 ปีข้างหน้าจะยกเลิกการจำหน่าย อี 10 คือ แก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 แล้วมาจำหน่ายอี 20 ได้หรือไม่ เพราะหากทำได้จะเพิ่มการใช้เอทานอล ขณะเดียวกันรถเก่าที่ใช้อี 20 ไม่ได้เริ่มหมดไป นอกจากนี้ยังศึกษาการใช้ไบโอดีเซล บี 10 ทดแทนบี 7 แต่ต้องยอมรับว่าค่ายรถยนต์ยังไม่เห็นด้วย เพราะเทคโนโลยียังไม่ถึงขั้นรองรับได้ แต่รถบรรทุกหรือรถความเร็วรอบต่ำอื่นๆ จะส่งเสริมให้ใช้บี 20 ต่อไป
นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันและปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญหลายแห่งได้วิเคราะห์ว่าราคาน้ำมันได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว นับจากนี้ราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวเพิ่มขึ้นปีละ 3-5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยราคาจะไม่ปรับสูงขึ้นมากเพราะหากราคาน้ำมันแพง เชลล์ออยล์ในอเมริกาเหนือจะกลับมาผลิตใหม่อีกครั้งหลังจากทยอยหยุดผลิตไป ส่งผลให้ขณะนี้สหรัฐฯ ผลิตน้ำมันดิบไม่ถึง 5 ล้านบาร์เรล/วันแล้ว
