เซ็นสัญญาซื้อข้าวเสื่อมส่อวุ่น หลังผู้ชนะประมูล 1 รายไม่พร้อมทำสัญญา ปัดเกี่ยวข้องกับรัฐปิดช่องไม่ให้หลุดรอดเข้าสู่ตลาดบริโภค เหตุยังไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ยันไม่เซ็นสัญญาเจอขึ้นบัญชีดำแน่ และนำข้าวไปประมูลใหม่
พล.ต.ต.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า (บอร์ด อคส.) เปิดเผยภายหลังการหารือกับบริษัทที่ชนะการประมูลซื้อข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลเข้าสู่อุตสาหกรรมปริมาณ 37,412 ตันว่า บริษัท ว.ธนทรัพย์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตปุ๋ยอินทรีย์เพื่อจำหน่ายได้เสนอเอกสารและแผนการดำเนินงานให้ อคส. ตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนแล้ว ซึ่งบริษัทพร้อมในการทำสัญญาภายในวันที่ 8 ม.ค.นี้ และขนย้ายข้าว แต่กรมวิชาการเกษตรกำลังตรวจว่าข้าวที่จะไปทำเป็นปุ๋ยนั้นสามารถใช้ในภาคเกษตรได้หรือไม่ คาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบไม่เกิน 1 เดือน ทำให้การขนย้ายข้าวออกจากคลังต้องเลื่อนออกไปเป็นเดือน ก.พ.จากเดิมภายในเดือน ม.ค.
ส่วนบริษัท สินไชยศรี จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโรงสีข้าวและผลิตไฟฟ้าชีวมวล ยังไม่พร้อมในเรื่องการเตรียมเอกสารทำสัญญาที่จะต้องทำให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 8 ม.ค. หากไม่มาทำสัญญาจะถูกริบหลักประกันสัญญา
พ.อ.(พิเศษ) ดิเรก ดีประเสริฐ รองประธานบอร์ด อคส.กล่าวว่า อคส.ไม่ได้ตัดทิ้งประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตจากหลายฝ่ายว่าทั้งสองบริษัทไม่มีความพร้อมในการนำข้าวไปใช้ในอุตสาหกรรมปุ๋ย และไฟฟ้า แต่กลับเข้าร่วมประมูลข้าวเสื่อม โดยอาจต้องการนำไปบรรจุถุงจำหน่ายเพื่อการบริโภค ซึ่งคงต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการ เพราะยังไม่ได้มีพฤติกรรมเหล่านั้นเกิดขึ้น
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การประมูลข้าวเสื่อม กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดเงื่อนไขและชี้แจงให้แก่ผู้ที่สนใจอย่างชัดเจนแล้วว่าต้องนำข้าวไปใช้ในอุตสาหกรรมเท่านั้น และยังมีเงื่อนไขอื่นๆ เพิ่มเติม ทั้งการกำหนดวิธีการขนย้ายข้าว การให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบกระบวนการผลิตได้ตลอดเวลา ซึ่งคนที่เข้ามาประมูลล้วนมีความเข้าใจตรงกัน แต่หากพบว่าผู้ชนะประมูลไม่สามารถลงนามทำสัญญาได้ ต้องถูกริบเงินค้ำประกัน และถูกขึ้นบัญชีดำ และจะนำข้าวมาเปิดประมูลอีกรอบ
“ก่อนการประมูล กรมการค้าต่างประเทศเปิดชี้แจงรายละเอียดชัดเจนแล้ว ใครจะเข้าร่วมประมูล ต้องทำตามเงื่อนไขทุกอย่าง เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าวเสื่อมหลุดรอดเข้าไปสู่ข้าวเพื่อการบริโภค เพราะข้าวเสื่อมที่ขายเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม แม้จะมีข้าวดีผสมบ้างเล็กน้อยแต่ไม่สามารถนำไปบริโภคได้อีกแล้ว ดังนั้น ผู้ชนะการประมูลต้องมาทำสัญญาภายใน 15 วันนับจากวันทราบผลประมูล จะมาขอเลื่อนคงไม่ได้ เพราะไม่อยากให้ใครมาต่อว่ากระทรวงพาณิชย์ได้ว่าอาจมีนอกมีในกัน”
สำหรับการประมูลข้าวเสื่อมเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมครั้งที่ 2 คาดว่าจะเปิดประมูลได้ภายในปลายม.ค.หรือต้นเดือน ก.พ. ส่วนข้าวชนิดอื่นๆ เพื่อส่งออกและเพื่อขายในประเทศ ต้องรอให้ผลผลิตทางการเกษตรอื่น เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง รวมถึงข้าวเปลือกในตลาดเก็บเกี่ยวหมดเสียก่อน เพราะจะได้ไม่กระทบต่อราคา