ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเอทานอล ชีวมวล พลังงาน และปุ๋ย ยื่นประมูลซื้อข้าวเสียเหมาหมด 3.74 หมื่นตัน มูลค่ากว่า 197 ล้านบาท ขายได้ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.02-5.40 บาท เตรียมพิจารณาก่อนชง นบข.อนุมัติขาย “ชุติมา” ยันอีกครั้ง ประมูลข้าวเสียโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่เอื้อใคร เหตุทุกขั้นตอนตรวจสอบได้ ย้ำหากเห็นว่าไม่เป็นธรรมให้ไปสู้กันในศาล
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงผลการประมูลข้าวสารในสต๊อกของรัฐเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม ครั้งที่ 1/2558 ว่า มีผู้ยื่นซองเอกสารเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติรวม 15 ราย ซึ่งคณะทำงานตรวจสอบเอกสารหลักฐานพิจารณาแล้วปรากฏว่ามีผู้ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น 14 ราย และในจำนวนนี้ได้มายื่นซองเสนอราคาจำนวน 13 ราย ใน 10 คลัง ปริมาณ 37,412 ตัน คิดเป็น 100% ของข้าวที่นำมาเปิดประมูล โดยมีมูลค่าประมาณ 197.804 ล้านบาท และส่วนใหญ่ประกอบอุตสาหกรรมเอทานอล ชีวมวล พลังงาน และปุ๋ย
สำหรับขั้นตอนต่อไป กรมฯ จะรวบรวมผลการเสนอซื้อที่มีมูลค่าสูงสุดในแต่ละคลังเข้าสู่การพิจารณาของคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐ เพื่อนำเสนอประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) เพื่อพิจารณาตัดสินการเสนอซื้อ และแจ้งผลให้ผู้เสนอราคาซื้อสูงสุดทราบต่อไป
“ข้าวเสียที่ผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมเสนอซื้อครั้งนี้มีราคาเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 5.020 บาท และสูงสุด 5.419.98 บาท หรือตันละ 5,020-5,419.98 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับการระบายข้าวขาว 5% ที่ขายได้เฉลี่ยตันละ 1.0-1.2 หมื่นบาท ยังบอกไม่ได้ว่าขายได้ราคาดีหรือไม่ เพราะต้องเทียบกับวัตถุดิบอื่นๆ ที่ภาคอุตสาหกรรมใช้อยู่ และราคาข้าวตกเกรดด้วย” นางดวงพรกล่าว
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงฯ ขอยืนยันว่าการนำข้าวเสียมาเปิดประมูลให้ภาคอุตสาหกรรมครั้งนี้เป็นการดำเนินการอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพราะในการตรวจสอบข้าวมีการจัดทำบัญชี เก็บตัวอย่างไปตรวจ มีมาตรฐานในการตรวจวัดว่าเป็นข้าวคุณภาพดีหรือไม่ และมีผู้ที่เกี่ยวข้องจากหลายหน่วยงานเข้าร่วม รวมถึงบริษัทตรวจสอบสินค้าเกษตร (เซอร์เวเยอร์) และเจ้าของโกดัง โดยข้าวที่ไม่ได้คุณภาพก็มีการส่งตำรวจดำเนินคดี ซึ่งเมื่อตำรวจทำสำนวนเสร็จแล้วก็นำข้าวออกมาเปิดประมูล ซึ่งทุกขั้นตอนสามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด
“ที่มีคนวิพากษ์วิจารณ์กันว่ากระบวนการตรวจสอบข้าวไม่มีความชัดเจน ไม่เป็นธรรม และกลัวว่าข้าวที่นำมาขายจะขายได้ราคาไม่ดี ขอยืนยันว่าทุกขั้นตอนเรามีหลักมีเกณฑ์ มีมาตรฐานกำหนดไว้ชัดเจน มีหลักวิชาการในการแยกแยะว่าเป็นข้าวเกรดไหน ไม่ใช่กำหนดตามใจ แล้วในการตรวจสอบก็มีการแบ่งตัวอย่างข้าวที่เก็บไปตรวจให้เซอร์เวเยอร์ เจ้าของโกดัง ทุกคนรู้ว่าข้าวเป็นอย่างไร คุณภาพแบบไหน ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ จะมาบอกว่าไม่เป็นธรรมได้อย่างไร แต่ถ้าเห็นว่าไม่เป็นธรรม ก็ให้ไปต่อสู้กันตามกระบวนการของกฎหมาย” น.ส.ชุติมากล่าว
สำหรับการเปิดประมูลข้าวเสียล็อตต่อไปขอดูผลการประมูลรอบนี้ก่อนว่าเป็นอย่างไร เพราะจะต้องมีการเปิดระบายออกไปเรื่อยๆ อยู่แล้วเพื่อไม่ให้เป็นภาระกับรัฐบาลในการที่ต้องเสียค่าฝากเก็บเดือนละกว่า 30 ล้านบาท ส่วนข้าวคุณภาพดี ทั้งเกรดพี เอ และบี จะมีการเปิดประมูลเป็นการทั่วไปอีกครั้งในเดือน มี.ค. 2559 โดยต้องรอให้ข้าวในท้องตลาดหมดก่อน ไม่อยากให้กระทบต่อราคาข้าวของเกษตรกร แต่อาจจะมีการเปิดประมูลเป็นกรณีพิเศษตั้งแต่ช่วงต้นปีให้เฉพาะการส่งออกไปต่างประเทศ ซึ่งกำลังพิจารณาอยู่