ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ย.ปรับตัวดีขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และสูงสุดในรอบ 11 เดือน หลังคนเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวตามแรงกระตุ้นของรัฐบาล แต่กังวลเหตุการณ์ก่อการร้ายในฝรั่งเศส และกรณีพิพาทรัสเซียกับตุรกี บวกส่งออกลด เกษตรตก ค่าครองชีพเพิ่ม ยังเป็นปัจจัยฉุดสำคัญ คาดกำลังซื้อเริ่มฟื้นตัวไตรมาส 4 และดีขึ้นไตรมาสแรกปีหน้า เผยวันพ่อปีนี้เงินสะพัด 1.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.23%
นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน พ.ย. 2558 ว่า ดัชนีได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกรายการ โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ 74.6 เพิ่มจาก 73.4 เป็นการปรับตัวดีขึ้นติดต่อกัน 2 เดือน และดีสุดในรอบ 11 เดือน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันอยู่ที่ 54.5 เพิ่มจาก 53.6 เป็นการปรับตัวดีขึ้นติดต่อกัน 2 เดือน และดีสุดในรอบ 11 เดือนเช่นเดียวกัน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตอยู่ที่ 82.6 เพิ่มจาก 81.3 ปรับตัวดีขึ้นในรอบ 3 เดือน ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 63.4 เพิ่มจาก 62.2 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำอยู่ที่ 69.6 เพิ่มจาก 68.6 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 90.8 เพิ่มจาก 89.4
ปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อดัชนีความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้น มาจากการที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2558 จะขยายตัวได้ 2.9% ถือว่าดีสุดในรอบ 3 ปี และปี 2559 คาดโต 3-4% ขณะที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดจีดีพีปี 2558 โตเกิน 3% และปี 2559 โต 3.8% ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ซึ่งช่วยเสริมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ส่วนปัจจัยลบที่เป็นปัจจัยใหม่ ก็คือความกังวลต่อเหตุการณ์ก่อการร้ายในฝรั่งเศส และกรณีพิพาทระหว่างรัสเซียกับตุรกีซึ่งมีผลต่อการพื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และอาจกระทบต่อการส่งออกและเศรษฐกิจไทยในอนาคต และปัจจัยเดิมๆ เช่น การส่งออกเดือน ต.ค. 2558 ลดลง 8.11% และช่วง 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) ลดลง 5.32% ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ทั้งยางพารา ข้าวและปศุสัตว์ SET Index เดือน พ.ย. ลดลง 45.94 จุด เงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย เป็น 35.783 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และผู้บริโภคยังกังวลปัญหาค่าครองชีพและราคาสินค้าแพง
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน พ.ย. 2558 ปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ เพราะผู้บริโภครู้สึกว่าภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยและมีความหวังว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้ในอนาคตอันใกล้จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่ก็ยังมีความกังวลเมื่อเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายในฝรั่งเศส และกรณีพิพาทรัสเซียกับตุรกี บวกกับการส่งออกที่ยังไม่ฟื้นตัว ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ค่าครองชีพยังสูง ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่น
อย่างไรก็ตาม ศูนย์ฯ คาดว่าการบริโภคของประชาชนน่าจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายปี หลังจากเม็ดเงินจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเข้าไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น โดยจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาสที่ 4 เป็นต้นไป และฟื้นตัวชัดเจนขึ้นในช่วงกลางไตรมาสแรกของปีหน้า ส่วนเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 คาดว่าจะขยายตัว 3.3-3.6% ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะขยายตัวได้ 3%
นายธนวรรธน์กล่าวว่า ศูนย์ฯ ยังได้ทำการสำรวจทัศนคติและพฤติกรรมประชาชนเกี่ยวกับวันพ่อ โดยคาดว่าวันพ่อปีนี้จะมีเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจประมาณ 13,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.23% เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวติดต่อกัน และราคาสินค้าแพงขึ้นทำให้การใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย โดยค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จะเป็นการพาพ่อไปรับประทานข้าว ไปทำบุญ และไปเที่ยว รวมถึงการซื้อของขวัญให้ เช่น ให้เงิน ทอง ซื้อเครื่องดื่มบำรุงร่างกาย เสื้อผ้า รองเท้า เป็นต้น
สำหรับกิจกรรมในวันพ่อที่จะทำในปีนี้ ส่วนใหญ่จะไปเที่ยวงานวันพ่อตามสถานที่จัดงานต่างๆ รองลงมาคือการปฏิบัติธรรม ปั่นจักรยานเพื่อพ่อ และจุดเทียนชัย