“พาณิชย์” นัดถกภาคเอกชน คลัง แบงก์ชาติ วันที่ 18 ส.ค.นี้ ประเมินผลกระทบจีนลดค่าเงินหยวน “ฉัตรชัย” เผยไม่กระทบส่งออก อาจเป็นผลดีทำให้ขายสินค้ากลุ่มวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางให้จีนได้มากขึ้น ยันยืนเป้าส่งออกไว้ติดลบ 3% เท่าเดิม พร้อมเร่งเดินหน้าเจรจาขายสินค้า เน้นตลาดรองและตลาดใหม่
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่ 18 ส.ค. 2558 นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมช.พาณิชย์ จะเชิญตัวแทนสภาหอการค้าแห่งประเทศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาหารือเพื่อประเมินสถานการณ์เงินหยวนอ่อนค่าว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการส่งออกของไทยอย่างไร หลังจากที่ธนาคารกลางของจีนประกาศปรับลดค่าเงินหยวนถึง 3 ครั้ง ในรอบสัปดาห์เดียวกัน
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นเห็นว่าการส่งออกของไทยน่าจะได้รับผลดีจากการที่จีนลดค่าเงินหยวน เพราะจะช่วยกระตุ้นการส่งออกของจีนให้ดีขึ้น และมีผลต่อการนำเข้าสินค้าจากไทยที่ส่วนใหญ่เป็นสินค้าขึ้นต้นและขั้นกลาง เพื่อนำไปผลิตเป็นสินค้าส่งออกต่อ จึงไม่อยากให้กังวลเกินไป และจีนก็ประกาศแล้วว่าจะไม่มีการปรับลดค่าเงินลงไปอีก ส่วนในด้านการท่องเที่ยวเชื่อว่าคงเป็นปกติ แม้เงินหยวนจะอ่อนค่า แต่เงินบาทก็อ่อนค่าด้วย ทำให้คนจีนที่มาเที่ยวไทยไม่กระทบ
อย่างไรก็ตาม จากการเดินทางไปเยือนจีนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าสถานการณ์การค้าระหว่างจีนกับไทยยังคงปกติ โดยจีนได้กำหนดที่จะเซ็นสัญญาซื้อข้าวจากไทย 1 ล้านตัน ในช่วงกลางเดือน ก.ย.นี้ แม้ว่าค่าเงินหยวนจะอ่อนค่าลงไปซึ่งอาจทำให้การนำเข้าจากไทยแพงขึ้นแต่จะไม่กระทบต่อการลงนามซื้อขายข้าวดังกล่าว เพราะข้อตกลงเป็นการซื้อขายในราคาตลาดตามช่วงเวลาที่ส่งมอบอยู่แล้ว
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า ส่วนแผนการผลักดันการส่งออกของไทยจากนี้ไปจะยังคงให้ความสำคัญกับการรักษาการส่งออกไปยังตลาดเดิม และผลักดันการส่งออกไปยังตลาดรองและตลาดใหม่ให้ได้เพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงจีน และที่ผ่านมาก็ได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์การทำงานไว้ชัดเจนแล้ว และจะยังคงเดินหน้าผลักดันการส่งออกต่อไป โดยปีนี้ยังคงเป้าหมายการส่งออกในภาพรวมที่ติดลบ 3% และคาดหวังว่าจะขยายตัวติดลบน้อยกว่านี้
โดยในเร็วๆ นี้ มีแผนที่จะเดินทางไปเยือนประเทศตุรกี อิหร่าน สหรัฐฯ จีน เพื่อเจรจาการค้าระหว่างกันให้เพิ่มขึ้น โดยก่อนหน้านี้ ได้เดินทางไปเยือนแอฟริกาใต้ และล่าสุดปากีสถาน โดยได้ตกลงบรรลุข้อตกลงร่วมกันในการที่จะเปิดเจราจาเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างกัน หากสามารถทำเอฟทีเอได้สำเร็จ จะทำให้มูลค่าการค้าสองฝ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2560 จากปัจจุบันมีมูลค่าการค้าอยู่ที่ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้ากลุ่มที่ได้ประโยชน์ คือ อาหาร ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น
ขณะเดียวกัน จากการเดินทางไปเยือนปากีสถาน ผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ของปากีสถานได้แจ้งว่ามีความสนใจที่จะนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวถึงกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี โดยมีชื่อถูกปรับจากกระทรวงพาณิชย์ไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในหลายกระทรวง ว่ายังไม่มีโอกาสได้หารือกับนายกรัฐมนตรี แต่เชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีจะมีข้อมูลในการจัดสรรตำแหน่งผู้บริหารกระทรวงต่างๆ เป็นอย่างดี โดยส่วนตัวแล้วถือว่าโชคดีที่ได้ทำงานร่วมกับข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งให้การสนับสนุนและให้ความร่วมมือในการทำงานเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงมีชื่อที่ถูกปรับออกไปทำงานในหลายๆ กระทรวง
ด้านนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ในการหารือเพื่อประเมินสถานการณ์ค่าเงินหยวนในวันที่ 18 ส.ค.นั้นจะเป็นการพิจารณารายละเอียดว่าเงินหยวนที่อ่อนค่าส่งผลกระทบด้านใดบ้าง