xs
xsm
sm
md
lg

ส่งออก พ.ค.ลด 5.01% ติดลบเป็นเดือนที่ 5 ยอดนำเข้าลด 19.97% มากสุดรอบ 5 ปี 9 เดือน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ส่งออก พ.ค.ลดลง 5.01% ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ของปีนี้ ส่วนนำเข้าลดมากถึง 19.97% สูงสุดในรอบ 5 ปี 9 เดือน เหตุสินค้าเกษตรหลักส่งออกได้ลดลง รวมถึงสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ขณะที่ยานยนต์ซึ่งเคยเป็นพระเอกก็เริ่มเข็นไม่ขึ้น ด้านตลาดส่งออกมีเพียงสหรัฐฯ จีน CLMV ที่เพิ่ม ที่เหลือตกวูบ “สมเกียรติ” สั่งศึกษายอดนำเข้าลดมาจากสาเหตุอะไร ห่วงกระทบส่งออกในอนาคต

นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือน พ.ค. 2558 มีมูลค่า 18,428.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 5.01% การนำเข้ามีมูลค่า 16,012.1 ลดลง 19.97% โดยยังได้ดุลการค้ามูลค่า 2,416.8 ล้านเหรียญสหรัฐ และยอดรวมการส่งออกในช่วง 5 เดือนของปี 2558 (ม.ค.-พ.ค.) มีมูลค่า 88,694.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 4.20% การนำเข้ามีมูลค่า 85,371.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 9.39% โดยยังเกินดุลการค้ามูลค่า 3,322.7 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ การส่งออกเดือน พ.ค.ที่ติดลบ เป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันนับจากเดือน ม.ค. 2558 ขณะที่การนำเข้า เป็นการติดลบสูงสุดในรอบ 5 ปี 9 เดือน นับจากเดือน ส.ค. 2552 ที่การนำเข้าเคยติดลบ 32.80%

นายสมเกียรติกล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้การส่งออกในเดือน พ.ค.ลดลง เนื่องจากการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรลดลง 2.8% โดยยางพาราซึ่งเป็นสินค้าเกษตรส่งออกอันดับหนึ่งของไทยลดลงถึง 14.4% ส่วนน้ำตาล กุ้งสดแช่แข็งและแปรรูป และทูน่ากระป๋องก็ลดลง โดยสินค้าที่ส่งออกได้สูงขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ข้าว และไก่สดแช่แข็งและแปรรูป ที่สูงขึ้น 72.5%, 5.1%, 1.9% และ 1.6%

ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมก็ลดลง 4.5% โดยสินค้ารถยนต์และส่วนประกอบที่เป็นสินค้าส่งออกและทำรายได้มาก แม้จะขยายตัว 0.6% แต่ก็ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนมาก ขณะที่สินค้าที่เกี่ยวกับน้ำมัน เช่น น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ต่างส่งออกได้ลดลง ยกเว้นทองคำที่ส่งออกได้เพิ่มขึ้น 17.3%

ทางด้านตลาดส่งออก พบว่าสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 0.4% เพิ่มต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 โดยสินค้าที่ส่งออกได้เพิ่ม เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ เช่นเดียวกับตลาด CLMV เพิ่มขึ้น 2.5% จากการส่งออกไปยังลาวและเวียดนามผ่านการค้าชายแดนเพิ่มขึ้น และจีนเพิ่มขึ้น 3.3% จากการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และผลิตภัณฑ์ยางที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนตลาดหลักอย่างญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป (อียู) ยังคงลดลง 4.1% และ 13.7% โดยตลาดอียู ถ้าไม่มีความกังวลเรื่องปัญหาหนี้กรีซน่าจะดีขึ้นกว่านี้

นายสมเกียรติกล่าวว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกยังคงมาจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกและคู่ค้าที่ยังชะลอตัว โดยเฉพาะอียู ญี่ปุ่น และอาเซียน ยกเว้นสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวดีขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่การนำเข้าของประเทศต่างๆ ทั่วโลกพบว่ายังคงลดลง โดยเฉพาะการนำเข้าของคู่ค้าที่สำคัญของไทย ทั้งสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และเกาหลีใต้ เป็นต้น

นอกจากนี้ ปัจจัยจากราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำก็ส่งผลกระทบทำให้สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันส่งออกได้ลดลง แต่เริ่มมีแนวโน้มราคาสูงขึ้น ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรโลกก็ปรับตัวลดลงมาก ทำให้มูลค่าส่งออกสินค้าเกษตรลดลง ทั้งยางพารา และน้ำตาลทราย ส่วนการใช้มาตรการทำให้เงินบาทอ่อนตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมายังไม่ส่งผลดีในทันที แต่เชื่อว่าอีก 3 เดือนข้างหน้าจะทำให้การส่งออกของไทยดีขึ้นได้ โดยค่าเงินบาทขณะนี้อยู่ที่เฉลี่ย 33.6 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เพิ่มจากเดือน เม.ย.ที่อยู่ที่ 32.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม กระทรวงฯ ยังคงเป้าหมายการส่งออกที่ตั้งไว้ที่ 1.2% ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะเป้าหมายมีไว้พุ่งชน

นายสมเกียรติกล่าวว่า การนำเข้าที่ปรับตัวลดลงสูงถึง 19.97% มีความเป็นห่วงเหมือนกัน เพราะอาจจะส่งผลสะท้อนถึงการส่งออกในอนาคต ซึ่งเบื้องต้นเห็นว่าการนำเข้าที่ลดลงไม่น่าจะมีผลจากเงินบาทอ่อนค่า เพราะเพิ่งอ่อนเมื่อเดือน เม.ย. หรือจะเป็นเพราะเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้นำเข้าลดลงก็ยังบอกไม่ได้ หรืออาจจะมีสาเหตุมาจากการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนก่อนหน้านี้มีการชะลอตัว เลยส่งผลให้มีการนำเข้าลดลง ซึ่งก็ต้องไปดูให้ชัด ซึ่งได้ให้เจ้าหน้าที่ไปศึกษาแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น