ส่งออก มี.ค.เพิ่มขึ้น 1.3% พลิกกลับมาเป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน “สุวิทย์” ประเมินเป็นสัญญาณดีต่อเศรษฐกิจไทย หลังเครื่องจักรอีก 2 ตัว ทั้งการลงทุนและท่องเที่ยว เดินเครื่องไปแล้ว ยืนเป้าทั้งปีที่ 5% ไว้เป็นแรงทำงาน
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกเดือน มี.ค. 2559 มีมูลค่า 19,124.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.3% เป็นการการขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 การนำเข้ามีมูลค่า 16,158.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 6.94% โดยเกินดุลการค้า 2,965.7 ล้านเหรียญสหรัฐ และยอดรวม 3 เดือนของปี 2559 (ม.ค.-มี.ค.) มีมูลค่า 53,829.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.90% การนำเข้ามีมูลค่า 45,640.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 12% โดยเกินดุลการค้ารวมมูลค่า 8,189 ล้านเหรียญสหรัฐ
“การส่งออกเริ่มเปลี่ยนจากแดนลบมาเป็นแดนบวก เริ่มตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมา ที่บวก 10.27% แต่เดือนก.พ.มีไอเทมที่ไม่ปกติ คือ อาวุธยุทโธปกรณ์เข้ามา การส่งออกจึงโตกว่าปกติ ส่วนเดือน มี.ค.ก็ยังเป็นบวกได้ ถือเป็นแนวโน้มที่ดี ซึ่งก็หวังว่าการส่งออกจะดีขึ้นต่อเนื่อง เพราะเครื่องจักร 3 ตัว โดยการลงทุน และการท่องเที่ยวได้ติดเครื่องไปแล้ว ตอนนี้การส่งออกกำลังจะเริ่มทำงาน หากเครื่องจักรที่มีขับเคลื่อนไปได้พร้อมกัน ประเทศไทยจะโตอย่างมีเสถียรภาพ”
อย่างไรก็ตาม การส่งออกในเดือน มี.ค. 2559 หากหักน้ำมันและทองคำออกไป การส่งออกจะเพิ่มขึ้น 1.4% เพราะในเดือนนี้ ทองคำส่งออกเพิ่ม 262.5% แต่สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ส่งออกลดลง 22.7% ส่วนยอดรวม 3 เดือน หากหักสินค้า 2 รายการออก การส่งออกจะติดลบ 0.4%
นายสุวิทย์กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกน่าจะดีขึ้น เพราะยอดการนำเข้าสินค้าทุนในเดือน มี.ค. 2559 ได้กลับมาเป็นบวก 5.92% ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ก็ขยายตัวเหลือติดลบ 11.47% ลดลงจากเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ที่ติดลบถึง 20% โดยการติดลบเริ่มน้อยลง ซึ่งจะมีผลต่อการส่งออกในอนาคตที่จะเพิ่มขึ้น โดยกระทรวงฯ ยังคงยืนเป้าหมายการส่งออกทั้งปีไว้ที่ 5% ไว้เป็นเป้าในการทำงาน แม้ว่าหลายๆ หน่วยงานจะปรับลดเป้าลงมาก็ตาม
นอกจากนี้ยังพบว่า การส่งออกของไทยเมื่อเทียบกับประเทศส่งออกอื่นๆ ทั่วไปซึ่งมีตัวเลขล่าสุด 2 เดือน พบว่าการส่งออกของไทยกลับมาเป็นบวกได้แล้ว ส่วนประเทศอื่นๆ ยังคงขยายตัวติดลบ
นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กล่าวว่า การส่งออกในเดือน มี.ค. 2559 ที่เพิ่มขึ้น มาจากกลุ่มยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น 2.9% โดยเฉพาะรถยนต์นั่ง เพิ่มขึ้น 80.8% แต่รถแวน และรถปิกอัพลดลง 95.9% และ 40.1% เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะ Hard Disk Drive เพิ่มขึ้น 28.1% อัญมณีและเครื่องประดับ เพิ่ม 43.8% โดยเฉพาะทองคำ เพิ่ม 262.5% ส่วนสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้น เช่น น้ำตาลทรายและข้าว ที่การส่งออกกลับมาเพิ่มขึ้น 6% และ 7.3% ตามลำดับ
สำหรับสินค้าที่ส่งออกลดลง ยังคงเป็นกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวกับน้ำมัน ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ที่มีสัดส่วน 7.6% ของการส่งออก ยังคงลดลง 22.7% ตามราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว เครื่องรับโทรทัศน์ ลด 28.4% จากการย้ายฐานการผลิต เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ลด 6.2% รวมถึงยางพารา ที่ลดลง 21.1% ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ลด 12.6% ทูน่ากระป๋อง ลด 7.7% เครื่องดื่ม ลด 5.5% เป็นต้น
ส่วนตลาดส่งออกพบว่า อาเซียนและทวีปออสเตรเลีย เพิ่มขึ้นต่อเนื่องที่ 4.5% และ 3.5% แต่ตลาดหลัก อย่างญี่ปุ่น สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (อียู) กลับมาลดลงที่ 6.1%, 1.4% และ 2.9% ตามลำดับ เช่นเดียวกับจีนที่ลดลง 5.4% ขณะที่ตลาด CLMV ก็ลดลงด้วยถึง 6.9%