ASTVผู้จัดการรายวัน-ส่งออกส.ค.ลดลง 7.4% ติดลบมากสุดในรอบ 32 เดือน เหตุเศรษฐกิจโลกและคู่ค้าฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ขณะที่ยอดส่งออกทองคำและน้ำมันก็ลดลงอย่างมาก รวมถึงยานยนต์ เลยฉุดส่งออกวูบ “พาณิชย์”รับส่งออกปีนี้อาจโตได้แค่ 0.5-1% จากเป้า 3.5%
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าไทยในเดือนส.ค.2557 มีมูลค่า 18,943.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 7.40% เมื่อเทียบกับเดือนส.ค.2556 เป็นการติดลบมากที่สุดในรอบ 32 เดือน นับจากเดือนธ.ค.2554 ที่ติดลบ 8.15% และเมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 600,718.1 ล้านบาท ลดลง 4.52% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 17,791.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 14.17% เมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 570,992.8 ล้านบาท ลดลง 11.54% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 1,146.3 ล้านเหรียญ หรือเกินดุล 29,725.3 ล้านบาท
ส่วนการส่งออกรวม 8 เดือนของปี 2557 (ม.ค.-ส.ค.) มีมูลค่า 150,543.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 1.36% และเมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 4.843 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.61% การนำเข้ามีมูลค่า 150,263.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 12.69% และเมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 4.890 ล้านล้านบาท ลดลง 5.71% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุลมูลค่า 280.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อคิดเป็นเงินบาทขาดดุล 46,741.8 ล้านบาท
สาเหตุที่ทำให้การส่งออกเดือนส.ค.ติดลบสูงถึง 7.40% เพราะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจคู่ค้าที่แต่เดิมคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ดี แต่ก็ไม่เป็นไปตามคาด โดยเศรษฐกิจยังคงชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย โดยตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ ลดลง 0.3% ญี่ปุ่น ลดลง 7.6% สหภาพยุโรป ลดลง 5.4% อาเซียนเดิม 5 ประเทศ ลดลง 5% จีน ลดลง 14.4% ทวีปออสเตรเลีย ลดลง 16.4% และตะวันออกกลาง ลดลง 9.3%
ขณะที่การส่งออกสินค้าสำคัญๆ หลายรายการ ทั้งเกษตรและอุตสาหกรรมมีการส่งออกลดลง เช่น ทองคำ มียอดส่งออกเพียง 72 ล้านเหรียญสหรัฐ จากที่เดือนส.ค.2556 ส่งออกสูงถึง 1,029 ล้านเหรียญสหรัฐ ยางพารา มูลค่าส่งออกลดลง 23.3% อาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป ลดลง 10.4% โดยเฉพาะกุ้งและทูน่ากระป๋อง ที่มีปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ ยานยนต์และชิ้นส่วน ที่มีสัดส่วน 12.8% ของมูลค่าส่งออกรวม ลดลง 8.9%
เพราะส่งออกไปอินโดนีเซียได้ลดลง จากการที่อินโดนีเซียมีนโยบายส่งเสริมการผลิตรถยนต์ ขณะที่เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ สิ่งทอ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก ก็ลดลง โดยลดลง 10.9% 6% และ 4% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าหลายรายการที่ส่งออกเพิ่มขึ้น เช่น ข้าว เพิ่ม 30.6% ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เพิ่ม 32.9% ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป เพิ่ม 8.3% น้ำตาลทราย เพิ่ม 17.6% เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เพิ่ม 7% แผงวงจรไฟฟ้า เพิ่ม 9.1% เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ เพิ่ม 0.1% เป็นต้น
“เดิมทีกรมฯ เคยประเมินไว้ว่าเศรษฐกิจโลกและคู่ค้าจะฟื้นตัวดีขึ้น และจะส่งผลให้ไทยส่งออกได้มากขึ้น แต่ก็ไม่เป็นไปตามคาด เศรษฐกิจคู่ค้าส่วนใหญ่ยังไม่ฟื้นตัวดี ขณะที่เดือนส.ค. ก็มีความผิดปกติในการส่งออกทองคำ และน้ำมันสำเร็จรูป ที่ฐานเดือนส.ค.2556 อยู่ในระดับสูง เลยฉุดยอดส่งออกรวมให้ติดลบถึง 7.4% แต่ถ้าไม่รวมยอดส่งออกทองคำและน้ำมัน
รวมเฉพาะสินค้าส่งออกหลัก การส่งออกเดือนนี้ก็จะติดลบเพียง 1.48% เท่านั้น”
นางนันทวัลย์กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 18-20 ต.ค.2557 กระทรวงพาณิชย์จะประชุมทูตพาณิชย์ของไทยที่ประจำอยู่ทั่วโลก ร่วมกับภาคเอกชน โดยมีพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน เพื่อประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ และการค้าของโลก รวมถึงมาตรการทางการค้าใหม่ๆ ที่ไทยต้องเตรียมความพร้อมรองรับ รวมทั้งจะมีการประเมินเป้าหมายการส่งออกของไทยในปีนี้ และปี 2558 โดยยังมีความหวังว่าการส่งออกปีนี้น่าจะขยายตัวได้ 0.5-1% จากเป้าหมาย 3.5% เพราะกรมฯ ได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อผลักดันการส่งออกอย่างเต็มที่
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าไทยในเดือนส.ค.2557 มีมูลค่า 18,943.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 7.40% เมื่อเทียบกับเดือนส.ค.2556 เป็นการติดลบมากที่สุดในรอบ 32 เดือน นับจากเดือนธ.ค.2554 ที่ติดลบ 8.15% และเมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 600,718.1 ล้านบาท ลดลง 4.52% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 17,791.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 14.17% เมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 570,992.8 ล้านบาท ลดลง 11.54% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 1,146.3 ล้านเหรียญ หรือเกินดุล 29,725.3 ล้านบาท
ส่วนการส่งออกรวม 8 เดือนของปี 2557 (ม.ค.-ส.ค.) มีมูลค่า 150,543.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 1.36% และเมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 4.843 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.61% การนำเข้ามีมูลค่า 150,263.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 12.69% และเมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 4.890 ล้านล้านบาท ลดลง 5.71% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุลมูลค่า 280.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อคิดเป็นเงินบาทขาดดุล 46,741.8 ล้านบาท
สาเหตุที่ทำให้การส่งออกเดือนส.ค.ติดลบสูงถึง 7.40% เพราะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจคู่ค้าที่แต่เดิมคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ดี แต่ก็ไม่เป็นไปตามคาด โดยเศรษฐกิจยังคงชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย โดยตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ ลดลง 0.3% ญี่ปุ่น ลดลง 7.6% สหภาพยุโรป ลดลง 5.4% อาเซียนเดิม 5 ประเทศ ลดลง 5% จีน ลดลง 14.4% ทวีปออสเตรเลีย ลดลง 16.4% และตะวันออกกลาง ลดลง 9.3%
ขณะที่การส่งออกสินค้าสำคัญๆ หลายรายการ ทั้งเกษตรและอุตสาหกรรมมีการส่งออกลดลง เช่น ทองคำ มียอดส่งออกเพียง 72 ล้านเหรียญสหรัฐ จากที่เดือนส.ค.2556 ส่งออกสูงถึง 1,029 ล้านเหรียญสหรัฐ ยางพารา มูลค่าส่งออกลดลง 23.3% อาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป ลดลง 10.4% โดยเฉพาะกุ้งและทูน่ากระป๋อง ที่มีปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ ยานยนต์และชิ้นส่วน ที่มีสัดส่วน 12.8% ของมูลค่าส่งออกรวม ลดลง 8.9%
เพราะส่งออกไปอินโดนีเซียได้ลดลง จากการที่อินโดนีเซียมีนโยบายส่งเสริมการผลิตรถยนต์ ขณะที่เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ สิ่งทอ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก ก็ลดลง โดยลดลง 10.9% 6% และ 4% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าหลายรายการที่ส่งออกเพิ่มขึ้น เช่น ข้าว เพิ่ม 30.6% ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เพิ่ม 32.9% ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป เพิ่ม 8.3% น้ำตาลทราย เพิ่ม 17.6% เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เพิ่ม 7% แผงวงจรไฟฟ้า เพิ่ม 9.1% เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ เพิ่ม 0.1% เป็นต้น
“เดิมทีกรมฯ เคยประเมินไว้ว่าเศรษฐกิจโลกและคู่ค้าจะฟื้นตัวดีขึ้น และจะส่งผลให้ไทยส่งออกได้มากขึ้น แต่ก็ไม่เป็นไปตามคาด เศรษฐกิจคู่ค้าส่วนใหญ่ยังไม่ฟื้นตัวดี ขณะที่เดือนส.ค. ก็มีความผิดปกติในการส่งออกทองคำ และน้ำมันสำเร็จรูป ที่ฐานเดือนส.ค.2556 อยู่ในระดับสูง เลยฉุดยอดส่งออกรวมให้ติดลบถึง 7.4% แต่ถ้าไม่รวมยอดส่งออกทองคำและน้ำมัน
รวมเฉพาะสินค้าส่งออกหลัก การส่งออกเดือนนี้ก็จะติดลบเพียง 1.48% เท่านั้น”
นางนันทวัลย์กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 18-20 ต.ค.2557 กระทรวงพาณิชย์จะประชุมทูตพาณิชย์ของไทยที่ประจำอยู่ทั่วโลก ร่วมกับภาคเอกชน โดยมีพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน เพื่อประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ และการค้าของโลก รวมถึงมาตรการทางการค้าใหม่ๆ ที่ไทยต้องเตรียมความพร้อมรองรับ รวมทั้งจะมีการประเมินเป้าหมายการส่งออกของไทยในปีนี้ และปี 2558 โดยยังมีความหวังว่าการส่งออกปีนี้น่าจะขยายตัวได้ 0.5-1% จากเป้าหมาย 3.5% เพราะกรมฯ ได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อผลักดันการส่งออกอย่างเต็มที่
