ซีเล็คซุ่มรุกหนัก ปลาทูน่ากระป๋อง วางแผน 3 ปีรุกหนักทั้งออกสินค้าใหม่ ปรับราคาลง เพิ่มช่องทาง อัดงบตลาดลุยทั้งบีโลว์ และอะโบฟเดอะไลน์
นางสาวสุภัทรา คูรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธีร์ โฮลดิ้ง จำกัด ในเครือไทยยูเนี่ยนโฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายปลาทูน่ากระป๋องซีเล็คทูน่า เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดรวมของปลาทูน่ากระป๋องในปีนี้มีมูลค่าประมาณ 700 ล้านบาท และมีการแข่งขันที่สูงขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำตลาด โดยครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 43%
ขณะที่ตลาดรวมมีการเติบโตจากปีที่แล้วประมาณ 10% ซึ่งยังสูงกว่าตลาดรวมปลากระป๋องทั้งหมดที่มีการเติบโตเพียง 4.5% เท่านั้น ซึ่งตลาดปลาทูน่ากระป๋องปรุงรสพร้อมรับประทานมีสัดส่วนต่ำกว่า 10% ของตลาดรวม อย่างไรก็ตาม เป็นตลาดที่มีแนวโน้มจะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นสองหลักได้ภายใน 3 ปีต่อจากนี้ เพราะตอนนี้คนไทยยังบริโภคปลาทูน่ากระป๋องน้อยอยู่
ดังนั้น แผนธุรกิจของบริษัทฯ ในช่ว 3 ปีจากนี้ไปจะรุกหนักในการทำตลาดปลาทูน่ากระป๋องปรุงรสพร้อมรับประทานมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์ตลาด และพฤติกรรมของผู้บริโภครุ่นใหม่ที่รักสุขภาพมากขึ้น ต้องการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และมีความสะดวกมากขึ้น ดังนั้นปีนี้จะใช้งบตลาดกว่า 100-150 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 25% เพื่อรุกตลาดอย่างจริงจัง ทั้งการสร้างการรับรู้ การนำเสนอวิธีทำเมนูจากปลาทูน่า การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย และการแจกสินค้าทดลองกระจายทั่วประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะพัฒนาสินค้าต่อเนื่อง ล่าสุดเตรียมจะออกสินค้าในบรรจุภัณฑ์รูปแบบใหม่ เพื่อสร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ และเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค จากปัจจุบันที่มีแต่สินค้ารูปแบบกระป๋อง ขณะเดียวกันยังได้เตรียมปรับราคาสินค้าลงเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคง่ายมากขึ้น จากที่ราคาเริ่มต้นในปัจจุบันประมาณ 44-47 บาทต่อกระป๋อง
โดยบริษัทฯ เตรียมวางตลาดสินค้าใหม่และเพิ่มสัดส่วนปลาทูน่ากระป๋องปรุงรสพร้อมรับประทานจากขณะนี้ที่มีประมาณ 30% ของสินค้าของบริษัทฯ เพิ่มเป็น 50% และจะขยายฐานลูกค้า เจาะกลุ่มคนวัยทำงานรวมถึงผู้ที่ไม่รับประทานปลาทูน่ากระป๋องให้มากขึ้นด้วย เพื่อผลักดันรายได้จากปลาทูน่ากระป๋องในปี 2561 ให้เติบโตเป็นเท่าตัวจากปีที่แล้วที่มี 300 ล้านบาท เป็น 600 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการกลุ่มสินค้าประเภทปลากระป๋องของบริษัทฯ ปี 2558 นี้คาดว่าจะเติบโตใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่ 20% จากการรุกจัดกิจกรรมการตลาด และการออกสินค้าใหม่ตลอดทั้งปี โดยปลากระป๋องมีรายได้คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของทั้งหมด และรายได้อีก 50% มาจากปลาเส้น ฟิชโช่ และอาหารสัตว์ เบล็อตต้า ชาร์กูเม่
นางสาวสุภัทรา คูรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธีร์ โฮลดิ้ง จำกัด ในเครือไทยยูเนี่ยนโฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายปลาทูน่ากระป๋องซีเล็คทูน่า เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดรวมของปลาทูน่ากระป๋องในปีนี้มีมูลค่าประมาณ 700 ล้านบาท และมีการแข่งขันที่สูงขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำตลาด โดยครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 43%
ขณะที่ตลาดรวมมีการเติบโตจากปีที่แล้วประมาณ 10% ซึ่งยังสูงกว่าตลาดรวมปลากระป๋องทั้งหมดที่มีการเติบโตเพียง 4.5% เท่านั้น ซึ่งตลาดปลาทูน่ากระป๋องปรุงรสพร้อมรับประทานมีสัดส่วนต่ำกว่า 10% ของตลาดรวม อย่างไรก็ตาม เป็นตลาดที่มีแนวโน้มจะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นสองหลักได้ภายใน 3 ปีต่อจากนี้ เพราะตอนนี้คนไทยยังบริโภคปลาทูน่ากระป๋องน้อยอยู่
ดังนั้น แผนธุรกิจของบริษัทฯ ในช่ว 3 ปีจากนี้ไปจะรุกหนักในการทำตลาดปลาทูน่ากระป๋องปรุงรสพร้อมรับประทานมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์ตลาด และพฤติกรรมของผู้บริโภครุ่นใหม่ที่รักสุขภาพมากขึ้น ต้องการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และมีความสะดวกมากขึ้น ดังนั้นปีนี้จะใช้งบตลาดกว่า 100-150 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 25% เพื่อรุกตลาดอย่างจริงจัง ทั้งการสร้างการรับรู้ การนำเสนอวิธีทำเมนูจากปลาทูน่า การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย และการแจกสินค้าทดลองกระจายทั่วประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะพัฒนาสินค้าต่อเนื่อง ล่าสุดเตรียมจะออกสินค้าในบรรจุภัณฑ์รูปแบบใหม่ เพื่อสร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ และเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค จากปัจจุบันที่มีแต่สินค้ารูปแบบกระป๋อง ขณะเดียวกันยังได้เตรียมปรับราคาสินค้าลงเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคง่ายมากขึ้น จากที่ราคาเริ่มต้นในปัจจุบันประมาณ 44-47 บาทต่อกระป๋อง
โดยบริษัทฯ เตรียมวางตลาดสินค้าใหม่และเพิ่มสัดส่วนปลาทูน่ากระป๋องปรุงรสพร้อมรับประทานจากขณะนี้ที่มีประมาณ 30% ของสินค้าของบริษัทฯ เพิ่มเป็น 50% และจะขยายฐานลูกค้า เจาะกลุ่มคนวัยทำงานรวมถึงผู้ที่ไม่รับประทานปลาทูน่ากระป๋องให้มากขึ้นด้วย เพื่อผลักดันรายได้จากปลาทูน่ากระป๋องในปี 2561 ให้เติบโตเป็นเท่าตัวจากปีที่แล้วที่มี 300 ล้านบาท เป็น 600 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการกลุ่มสินค้าประเภทปลากระป๋องของบริษัทฯ ปี 2558 นี้คาดว่าจะเติบโตใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่ 20% จากการรุกจัดกิจกรรมการตลาด และการออกสินค้าใหม่ตลอดทั้งปี โดยปลากระป๋องมีรายได้คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของทั้งหมด และรายได้อีก 50% มาจากปลาเส้น ฟิชโช่ และอาหารสัตว์ เบล็อตต้า ชาร์กูเม่
