xs
xsm
sm
md
lg

ส่งออกทั้งปี1.2% พาณิชย์เผยติดลบน้อยลง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ส่งออกมี.ค.ติดลบ 4.45% ลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 แต่มีสัญญาณดีขึ้น หลังลบน้อยลง เผยส่งออกน้ำมันและทองคำที่ลดลงเป็นตัวการฉุด ขณะที่สินค้ารายการอื่นๆ เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น “พาณิชย์”ปรับเป้าส่งออกปี 58 ใหม่ เหลือ 1.2% จากเดิม 4% มั่นใจทำได้ เหตุตลาดโลกเริ่มฟื้นตัว บวกมีแผนทำตลาดครึ่งปีหลังชัดเจน

น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยเดือนมี.ค.2558 มีมูลค่า 18,886 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 4.45% ซึ่งลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 แต่เป็นการส่งออกที่ติดลบน้อยลงจากเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ที่ติดลบ 6.15% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการส่งออกเริ่มมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้น ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 17,391 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 5.89% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 1,495 ล้านเหรียญสหรัฐ

ส่วนยอดรวมการส่งออก 3 เดือนของปี 2558 (ม.ค.-มี.ค.) มีมูลค่า 53,365 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 4.69% และการนำเข้ามีมูลค่า 51,936 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 6.43% โดยยังเกินดุลการค้า 1,429 ล้านเหรียญสหรัฐ

สาเหตุที่ทำให้การส่งออกในเดือนมี.ค.ลดลง มาจากการลดลงของการส่งออกน้ำมันและทองคำ โดยน้ำมันลดลง 26.5% เพราะราคาตลาดโลกลดลง และทองคำลดลง 40.5% จากการที่มีการนำเข้ามา เพื่อเก็งกำไร แต่ไม่มีการส่งออก ซึ่งหากตัด 2 รายการที่ควบคุมไม่ได้ออกไป ก็จะทำให้การส่งออกในเดือนมี.ค.เหลือขยายตัวติดลบเพียง 1.3%

สำหรับสินค้ารายการอื่นๆ พบว่า มีสัญญาณส่งออกดีขึ้น โดยกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร ลดลงเหลือ 2.6% โดยสินค้าที่ลดลงมากยังคงเป็นยางพารา ที่ลดลง 27.9% ตามทิศทางราคาตลาดโลก แต่เริ่มมีสัญญาณดีจากปริมาณส่งออกที่กลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 1.2% ขณะที่ทูน่ากระป๋อง และข้าว มีมูลค่าส่งออกหดตัวในอัตราที่ลดลง ส่วนผัก ผลไม้สด แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป น้ำตาลทราย เครื่องดื่ม ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เพิ่มขึ้น 11.1, 21.0, 34.9, 10.3 และ 75% ตามลำดับ

สินค้าอุตสาหกรรม ลดลง 3.2% โดยถูกฉุดจากการลดลงของน้ำมันและทองคำ แต่หากดูสินค้ารายการอื่น พบว่า มีทิศทางขยายตัวได้เพิ่มขึ้น เช่น เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ โดยขยายตัว 24.2, 20.2 และ 9.0% โดยรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ มีมูลค่าส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สูงถึง 2,446 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5%
ทางด้านตลาดส่งออก พบว่า ตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 5.6% โดยโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และอาเซียน โดยเฉพาะตลาด CLMV เพิ่มขึ้น 17.4% แต่ตลาดญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป (อียู) ลดลง 8.4% และ 2.1% เพราะเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ และผลจากค่าเงินเยนและยูโรอ่อน ทำให้คำสั่งซื้อชะลอตัวลง ส่วนตลาดจีน ก็ลดลง 8.3% ตามการส่งออกยางพารา และน้ำมันสำเร็จรูปที่ลดลง ประกอบกับจีนมีนโยบายพึ่งพาตนเองและลดการนำเข้า แต่ในตลาดจีนและญี่ปุ่น แม้การส่งออกจะลดลง แต่ส่วนแบ่งตลาดของไทยยังคงเพิ่มขึ้น รวมถึงตลาดสหรัฐฯ และอินเดีย

น.ส.ชุติมากล่าวว่า สำหรับการส่งออกในปี 2558 กระทรวงพาณิชย์ได้ทำการประเมินแนวโน้มการส่งออกใหม่ โดยคาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวที่ 1.2% จากเป้าหมายเดิม 4% ซึ่งเป็นการประเมินไว้ตั้งแต่เดือนต.ค.2557 ซึ่งตอนนั้น คาดการณ์เศรษฐกิจโลกยังเติบโตได้ดี โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินไว้ที่ 3.8% แต่ปัจจุบันลดเหลือ 3.5% และราคาน้ำมันยังไม่ปรับลดลงขนาดนี้ ซึ่งเป้าหมายใหม่ มั่นใจว่าจะทำได้ เพราะขณะนี้กระทรวงพาณิชย์กำลังจัดทำแผนผลักดันการส่งออกเป็นรายสินค้าอยู่

“เชื่อว่า ถ้าเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว น้ำมันกลับมาอยู่ที่ระดับ 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ค่าเงินบาทสู้กับประเทศคู่แข่งได้ และราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น และบวกกับแผนการทำตลาดที่ชัดเจนในตลาดเป้าหมาย จะทำให้การส่งออกปีนี้บวกได้ 1.2% โดยให้น้ำหนักความน่าจะเป็นสูงถึง 70-80%”น.ส.ชุติมากล่าว

นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า กรมฯ ได้ทำการวิเคราะห์ตลาด แนวโน้มการส่งออกร่วมกับภาคเอกชนและทูตพาณิชย์ และได้ข้อสรุปที่ตรงกันกับหลายหน่วยงานที่ประเมินการส่งออก โดยเห็นว่าการส่งออกทั้งปีน่าจะขยายตัวในระดับ 0.5-1% แต่เห็นควรที่จะตั้งเป้าในการผลักดันการส่งออกที่ 1.2% มูลค่า 230,304 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากเดิมที่ 4% มูลค่า 236,677 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีปัจจัยสนับสนุน คือ เศรษฐกิจโลกครึ่งปีหลังฟื้นตัวดีขึ้น ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.6-33.4 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ราคาน้ำมัน 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และสินค้าเกษตรสำคัญราคาใกล้เคียงกับปีก่อน
กำลังโหลดความคิดเห็น