xs
xsm
sm
md
lg

บ้านปูยื่นประมูลโรงไฟฟ้าอินโดฯ สรุปปีนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บ้านปู ส่งบริษัทลูก “ITM-บ้านปู เพาเวอร์” ยื่นประมูลโรงไฟฟ้าถ่านหินในอินโดฯ คาดมีความชัดเจนในปีนี้ แย้มดึงราชบุรีเข้าร่วมเป็นพันธมิตร ขณะเดียวกัน ก็มีแผนขยายกำลังผลิต 3 โรงไฟฟ้าในจีน และทำโซลาร์ฟาร์มในต่างประเทศ มั่นใจนำบ้านปู เพาเวอร์ เข้าตลาดหุ้นได้ทันปลายปีนี้ หรือต้นปี 59

นางสมฤดี สมพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยความคืบหน้าการร่วมประมูลโรงไฟฟ้าถ่านหินที่อินโดนีเซีย ว่า บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จะลงทุนร่วมกับบริษัทท้องถิ่น PT Indo Tambanraya Megah (ITM) ซึ่งบ้านปูถือหุ้น 65% จะดูโอกาสการลงทุน และเข้าประมูลโรงไฟฟ้าถ่านหิน หลังจากอินโดนีเซียมีแผนพัฒนาโรงไฟฟ้าเพิ่ม 3 หมื่นเมกะวัตต์ ภายใน5-10 ปีนี้ เนื่องจากการประมูลโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาดใหญ่จำเป็นต้องหาพันธมิตรร่วมทุนเข้ามาอยู่แล้ว โดยเฉพาะพันธมิตรเดิมอย่าง บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง เป็นต้น

ทั้งนี้ บริษัทได้ยื่นเสนอประมูลโรงไฟฟ้าบางโครงการไปแล้ว คาดว่าปีนี้จะมีความชัดเจน หลังจากนั้นจะพิจารณาการหาเทคโนโลยี สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) และแหล่งเงินกู้ โดยกลุ่มบ้านปูจะถือหุ้นโครงการโรงไฟฟ้าในระดับที่มีอำนาจในการบริหารงาน ไม่จำเป็นต้องถือหุ้นเกิน 50% หากเป็นโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนขยายกำลังการผลิต 3 โรงไฟฟ้าที่จีนเพิ่มเติม นอกเหนือจากโครงการโรงไฟฟ้าที่ซานซีลู่กวง ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ขนาดกำลังผลิต 1.2 พันเมกะวัตต์ ซึ่งบ้านปูถือหุ้นอยู่ 30% รวมทั้งแสวงหาโอกาสที่จะลงทุนโครงการพลังงานทดแทน เช่น โซลาร์ฟาร์ม ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาการลงทุนในแถบเอเชียเหนือ เช่น ญี่ปุ่น จีน คาดว่าจะมีความชัดเจนได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

นางสมฤดี กล่าวถึงแผนการนำบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างธุรกิจไฟฟ้าทั้งหมดให้มาอยู่ในบริษัทบ้านปู เพาเวอร์ หลังจากนั้น จะตั้งที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ทันในปลายปีนี้ หรือต้นปี 2559 โดยบ้านปู จะยังถือหุ้นใหญ่เกิน 50% ภายหลังเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO)

ปัจจุบัน บริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนร่วมทุนแล้วทั้งหมดเกือบ 1,400 เมกะวัตต์ มาจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี, โรงไฟฟ้าหงสา และโรงไฟฟ้า 3 แห่งในจีน และจะเพิ่มเป็นเกือบ 2,000 เมกะวัตต์ ในราวเดือน ก.พ.2559 หลังจากโรงไฟฟ้าหงสาหน่วยที่ 2 เริ่มผลิตในเดือน พ.ย.นี้ และหน่วยที่ 3 จะเริ่มผลิตในราวเดือน ก.พ.59

โดยในปี 2560 บริษัทจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 2,750 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าถ่านหินซานซีลู่กวง ในจีน โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน 200 เมกะวัตต์ และส่วนขยายกำลังผลิตโรงไฟฟ้าในจีน 3 โรง

นางสมฤดี กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปีนี้ว่า บริษัทมีรายได้ และกำไรจากการดำเนินงานในปีนี้ใกล้เคียงกับปีก่อน แม้ว่าราคาขายถ่านหินในขณะนี้จะลดลงเหลือ 60-61 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากปีก่อนอยู่ที่ 65 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากปริมาณการขายถ่านหินปีนี้รวม 44 ล้านตันใกล้เคียงปีก่อน แต่บริษัทได้มีการลดต้นทุนการผลิตที่เหมืองอินโดนีเซีย 10% และเหมืองออสเตรเลีย 3% และรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าหงสาที่เริ่มจ่ายไฟเข้าระบบแล้วยูนิตแรก 600 เมกะวัตต์

จากราคาถ่านหินที่มีเสถียรภาพมากขึ้น บริษัทฯ มั่นใจว่าปีหน้าจะสามารถสรุปดีลซื้อเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียได้ หลังจากมีการเจรจามาระยะหนึ่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น