“บ้านปู” ลั่นครึ่งหลังปี 2558 มีรายได้โตกว่าครึ่งปีแรกที่ 4.25 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีปริมาณขายถ่านหินเพิ่มขึ้น 2 ล้านตันและราคาขายสูงกว่า แต่ยอมรับทั้งปีรายได้ต่ำกว่าปี 57 เล็กน้อย 5-10% วางเป้าหมายปี 63 มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 4 พันเมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 1.4 พันเมกะวัตต์ โดยปูพรมซื้อกิจการและลงทุนโรงไฟฟ้าและพลังงานทดแทนทั้งใน และต่างประเทศ
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU) เปิดเผยผลการดำเนินงานในครึ่งหลังปี 2558 ว่า บริษัทวางเป้าหมายการขายถ่านหินในครึ่งปีหลังนี้ไว้ที่ 25 ล้านตัน ทำให้ทั้งปีบริษัทฯ มีการผลิตและขายถ่านหินทั้งสิ้นในปีนี้ 48.5 ล้านตัน โดยบริษัทได้ดำเนินการขายถ่านหินในครึ่งปีหลังนี้ไปเกือบหมดแล้ว ในราคาเฉลี่ยตันละ 59 เหรียญสหรัฐ สูงกว่าครึ่งปีแรกที่ราคาขายเฉลี่ย 56.4 เหรียญสหรัฐ/ตัน และเป็นระดับราคาที่ดีและต่ำกว่าตลาดโลกเพียงเล็กน้อย
บริษัทฯ มั่นใจว่าครึ่งหลังปี 2558 บริษัทฯ มีรายได้รวมสูงกว่าครึ่งแรกของปีนี้ที่มีรายได้รวม 1,291 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือรวม 42,534 ล้านบาท เนื่องจากครึ่งปีหลังมีปริมาณการขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น 2 ล้านตันมาจากเหมืองทูบาอินโด และเหมืองบารินโตะที่อินโดนีเซีย ส่วนเหมืองเกาเหอที่จีนก็มีการผลิตถ่านหินเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลังด้วย ซึ่งเดิมบริษัทคาดว่าจะผลิตถ่านหินที่เกาเหอปีละ 6 ล้านตัน แต่ขยับขึ้นไปเกือบ 10 ล้านตันในปีนี้ ส่วนต้นทุนการผลิตถ่านหินเองก็ลดลงค่อนข้างมากจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวลง
อย่างไรก็ตาม คาดว่าปีนี้รายได้รวมบ้านปูจะต่ำกว่าปีก่อน 5-10% จากที่มีรายได้รวม 3,145 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1.06 แสนล้านบาท ซึ่งสาเหตุหลักมาจากราคาขายถ่านหินที่ปรับตัวลงมา โดยบริษัทฯ มั่นใจว่าราคาถ่านหินจะไม่ต่ำไปกว่านี้แล้ว
“บ้านปูดำเนินมาตรการควบคุมต้นทุนและบริหารกระแสเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 ต้นทุนขายรวมลดลงกว่า 171 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 5.23 พันล้านบาท หรือลดลง 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีกระแสเงินสด 600 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อใช้บริหารลงทุน”
นางสมฤดีกล่าวต่อไปว่า กลุ่มบ้านปูได้เดินหน้าเพิ่มพอร์ตการลงทุนธุรกิจไฟฟ้า โดยล่าสุดบ้านปูได้เข้าไปลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ญี่ปุ่น 5 โครงการ รวมกำลังการผลิต 58.6 เมกะวัตต์ โดยคิดตามสัดส่วนการถือหุ้นของบ้านปูอยู่ที่ 37 เมกะวัตต์ คาดว่าจะจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2560 และอยู่ระหว่างการเจรจาลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ญี่ปุ่นเพิ่มเติมอีก
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ยื่นประมูลสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาดใหญ่ในอินโดนีเซียหลายโครงการ โดยจับมือกับทางบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) คาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้ รวมทั้งประเมินหาโอกาสการลงทุนหรือซื้อกิจการพลังงานทดแทนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพิ่มเติม ทั้งจีน อินเดีย และอาเซียน เนื่องจากมีการพัฒนาโครงการสั้น ให้ผลตอบแทนได้รวดเร็ว โดยมีเป้าหมายกำลังผลิตพลังงานทดแทน 200 เมกะวัตต์ภายใน 3 ปี
ทั้งนี้ บ้านปูตั้งเป้าหมายมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นทุกโครงการทุกประเทศรวม 2.3 พันเมกะวัตต์ในปี 2561 เติบโต 900 เมกะวัตต์จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิต 1.4 พันเมกะวัตต์ ซึ่งเป็นกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากโครงการโรงไฟฟ้าหงสาในลาว โรงไฟฟ้าซานซีลู่กวงที่จีน ทั้งนี้ บ้านปูตั้งเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 4 พันเมกะวัตต์ในปี 2563
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2558 บ้านปูขาดทุน 54.33 ล้านบาท เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่กำไรสุทธิ 686 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือนแรกปี 2558 มีกำไรสุทธิ 14.92 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.94 พันล้านบาท