“ชนินท์” ดัน “บ้านปู เพาเวอร์” เข้าตลาดหลักทรัพย์ภายในสิ้นปีนี้ หวังระดมทุนเพื่อใช้ขยายธุรกิจไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ โดยตั้งเป้าหมายปี 2560 มีกำลังผลิตไฟฟ้า 4 พันเมกะวัตต์ เผยปีนี้ราคาถ่านหินทรุดต่ำกว่าปีก่อน แต่ทั้งปียังกำไรโตขึ้น เนื่องจากรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าหงสาที่เข้ามาในกลางปี 58 พร้อมแต่งตั้ง “สมฤดี” เป็นซีอีโอคนใหม่ มีผล 10 เม.ย.นี้
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนนำบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในปลายปีนี้ หรือต้นปี 2559 เพื่อนำเงินระดมทุนมาใช้ในการขยายธุรกิจไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศสร้างการเติบโตให้แก่องค์กร หลังจากธุรกิจถ่านหินประสบปัญหาราคาตกต่อเนื่องมาเป็นเวลา 3 ปี
โดยปีนี้บริษัทฯ จะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าหงสาที่ สปป.ลาว กำลังผลิต 1.87 พันเมกะวัตต์ ทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในปีนี้ โดยยูนิตแรกที่จะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในกลางปี 2558 และยูนิตที่ 2 ปลายปีนี้ ส่วนยูนิตสุดท้ายจะจ่ายไฟได้ในเดือน ก.พ. 2559 คาดว่าจะรับรู้รายได้ปีละ 2.4 พันล้านบาท ทำให้สัดส่วนกำไรของบ้านปูมาจากธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากเดิม 20% เพิ่มขึ้นเป็น 35% ในปี 2559 ส่วนที่เหลือเป็นกำไรจากธุรกิจถ่านหิน
ปัจจุบัน บ้านปู เพาเวอร์มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 1 พันเมกะวัตต์ บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายภายในปี 2560 จะผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 4 พันเมกะวัตต์ หรือคิดตามสัดส่วนการถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 2 พันเมกะวัตต์ มาจากโรงไฟฟ้าหงสา ขนาด 1.878 พันเมกะวัตต์ (บ้านปูถือหุ้น 40%) ของกำลังการผลิตทั้งหมด คิดเป็นประมาณ 700 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวง ที่จีน กำลังการผลิตติดตั้ง 1.2 พันเมกะวัตต์ (บ้านปูถือหุ้น 30%) คิดเป็น 360 เมกะวัตต์ ทำให้สัดส่วนกำไรจากธุรกิจไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 40%
นายชนินท์กล่าวว่า บริษัทฯ ยังสนใจลงทุนธุรกิจไฟฟ้าพลังงานทดแทน อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์และลม รวมทั้งสนใจซื้อกิจการ และการขยายลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าปากเหมืองในอินโดนีเซีย ขนาด 2 พันเมกะวัตต์, โครงการลงทุนโรงไฟฟ้าเขื่อนพลังน้ำที่ สปป.ลาว ขนาด 70 เมกะวัตต์ขึ้นไป และส่วนขยายโรงไฟฟ้าถ่านหินบีแอลซีพี อีก 1 พันเมกะวัตต์ ซึ่งโครงการเหล่านี้ยังไม่รวมอยู่ในเป้าหมายกำลังผลิตไฟฟ้าที่วางไว้ 4 พันเมกะวัตต์ในปี 2560
สำหรับแผนลงทุนของบริษัทในปีนี้อยู่ที่ 423 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่จะนำมาใช้เป็นส่วนทุนในโครงการโรงไฟฟ้าหงสาถึง 149 ล้านเหรียญสหรัฐ และปีถัดไปอีก 192 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งบริษัทมีแผนออกหุ้นกู้ในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้ ส่วนวงเงินยังไม่ได้กำหนด โดยส่วนใหญ่จะนำมาใช้คืนเงินกู้เดิมที่ครบกำหนดชำระ
นายชนินท์กล่าวต่อไปว่า ทิศทางราคาขายถ่านหินของบริษัทฯ ในปีนี้คาดว่าจะต่ำกว่าปีก่อนที่เฉลี่ย 70 เหรียญสหรัฐ/ตัน มาอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 60 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากอุปทานถ่านหินโลกเกินความต้องการอยู่ โดยปริมาณถ่านหินส่วนเกินยังอยู่ที่อินโดนีเซียและออสเตรเลียเป็นส่วนใหญ่ และค่อนข้างลดลงเนื่องจากราคาขายใกล้เคียงต้นทุนการผลิต และมองว่าความต้องการใข้ถ่านหินในอินเดียและญี่ปุ่นยังมากอยู่
โดยปีนี้บ้านปูตั้งเป้าผลิตและจำหน่ายถ่านหิน 48.5 ล้านตันใกล้เคียงปีก่อน โดยเหมืองถ่านหินที่อินโดนีเซียและจีนมีการผลิตถ่านหินเพิ่มขึ้น ส่วนออสเตรเลียลดการผลิตลงเล็กน้อย เนื่องจากปิดเหมืองถ่านหินที่มีต้นทุนสูงไว้ก่อน ขณะเดียวกันก็จะหันมาปรับคุณภาพถ่านหินให้ตรงความต้องการของลูกค้าเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีการขายถ่านหินล่วงหน้าไปแล้ว 80% ของเป้าหมาย โดยกำหนดราคาขายไปแล้ว 47% ที่ราคา 70 เหรียญสหรัฐ/ตัน
ดังนั้น ในปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้ใกล้เคียงปีที่แล้ว 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่จะมีกำไรสูงกว่าปีก่อน เนื่องจากรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าหงสาที่จะเข้ามาในกลางปี 2558
นายชนินท์กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทได้วางยุทธศาสตร์เพื่อผลักดันการเติบโตของบริษัทในระยะ 5 ปีถัดไป (2559-2563) ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ การผนึกจุดแข็งในธุรกิจถ่านหินที่มีอยู่ในทุกภูมิภาค ขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจไฟฟ้าและพิจารณาการนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และการเปลี่ยนผ่านตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) และแผนการสืบทอดตำแหน่งงานผู้บริหารระดับสูง
โดยคณะกรรมการบริษัทได้เสนอชื่อ นางสมฤดี ชัยมงคล ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-การเงิน บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ให้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารต่อจากนายชนินท์ โดยคณะกรรมการบริษัทมีกำหนดอนุมัติการเปลี่ยนผ่านตำแหน่งดังกล่าวอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 เมษายนนี้ ภายหลังจากได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 3 เมษายนนี้
“บ้านปูจะมีการเปลี่ยนผ่านผู้บริหารเป็นคุณสมฤดี เป็นซีอีโอคนใหม่ เนื่องจากเป็นผู้ที่มีความรู้ ประสบการณ์มากกว่า 30 ปี โดยตนยังดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัทฯ ต่อไป เชื่อมั่นว่าทีมบริหารนี้จะทำองค์กรบ้านปูให้มีความเข้มแข็งขึ้น โดยจะอาศัยฐานธุรกิจที่มีอยู่ในแต่ละประเทศมาศึกษาโอกาสรุกธุรกิจไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมมากขึ้น” นายชนินท์กล่าว
ด้านนางสมฤดีกล่าวว่า ยินดีที่จะสานงานต่อจากนายชนินท์ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่องค์กร โดยบ้านปูได้สร้างวัฒนธรรมองค์กร และให้ความสำคัญด้านบุคลากรไว้เป็นอย่างดี