บ้านปูลุ้นแผนพีดีพี 2558 รับซื้อไฟจากโรงไฟฟ้าจากถ่านหินเพิ่ม เตรียมผุดโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี เฟส 2 อีก 1.1 พันเมกะวัตต์ เชื่อปีหน้าความต้องการใช้ถ่านหินยังโตแต่ราคายังทรงตัวอยู่ เหตุซัปพลายล้นตลาด
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมความต้องการใช้ถ่านหินในปีหน้ายังคงเติบโตขึ้นจากปีนี้ โดยเฉพาะอินเดีย เวียดนาม และอินโดนีเซียยังมีความต้องการใช้ถ่านหินเพิ่มขึ้นเพื่อผลิตไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นดีมานด์ใหม่ที่จะเข้ามาเสริม แต่ปริมาณการผลิตถ่านหินของโลกยังล้นตลาดอยู่ และเศรษฐกิจจีนเติบโตช้าลง ทำให้ราคาถ่านหินยังทรงตัว ไม่ได้ขยับเพิ่มสูงขึ้น โดยปีนี้ราคาถ่านหินบริษัทฯ เฉลี่ยอยู่ที่ 70 เหรียญสหรัฐ/ตัน ลดลงเล็กน้อยจากปี 2556
อย่างไรก็ตาม บริษัทอยู่ระหว่างการทบทวนแผนการลงทุนใหม่ โดยจะหันมาลงทุนธุรกิจพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงการลงทุนโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการแสวงหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศอยู่ 3 แห่งซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ และโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จีนด้วย ทำให้สัดส่วนโครงสร้างรายได้ของบริษัทจะมาจากธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้
นายชนินท์กล่าวย้ำว่า บริษัทฯ ยังสนใจที่จะรุกธุรกิจโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศไทยเพิ่มเติม จากปัจจุบันที่ถือหุ้นอยู่ในโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีสัดส่วน 50% ซึ่งโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีมีพื้นที่ว่างเปล่าที่จะสร้างโรงไฟฟ้าใหม่เพิ่มเติมได้อีก 1.1 พันเมกะวัตต์ หากแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าฉบับใหม่ (พีดีพี 2015) มีความชัดเจน และเพิ่มสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงถ่านหินเพิ่มขึ้น ก็พร้อมที่จะยื่นประมูลโรงไฟฟ้าดังกล่าวได้ทันทีหากเปิดรับซื้อไอพีพีรอบใหม่
ต้องยอมรับว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศไทยต้องเพิ่มขึ้นเพื่อช่วยบรรเทาให้ค่าไฟฟ้าในประเทศไม่ให้สูงขึ้นไปกว่านี้ รวมทั้งต้องมีการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำเพิ่มเติมจากพม่าและลาว มิฉะนั้นค่าไฟฟ้าที่เพิ่มสูงกว่า 4-5 บาทต่อหน่วย จะทำให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแข่งขันไม่ได้
ปัจจุบันเทคโนโลยีได้พัฒนาไปมากทำให้โรงไฟฟ้าถ่านหินมีการปล่อยมลพิษน้อยมาก และการใช้เชื้อเพลิงถ่านหินนำเข้าคุณภาพดีที่มีซัลเฟอร์ต่ำ ขี้เถ้าน้อย ทำให้ทั่วโลกยังมีการขยายโรงไฟฟ้าถ่านหินอยู่ เพราะหากตั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซฯ เป็นเชื้อเพลิง หรือโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนก็จะมีต้นทุนค่าไฟฟ้าสูงขึ้น
ทั้งนี้ บ้านปูจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าหงสาในกลางปี 2558 ที่จะแล้วเสร็จยูนิตแรก และจะทยอยเดินเครื่องจนครบในกลางปี 2559 ทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 25% เป็น 35% ก่อนจะขยับขึ้นเป็น 40% ในปี 2560
