ชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับธุรกิจถ่านหินของบ้านปูฯ ว่า “มีผลการดำเนินงานที่ดีทั้งจากแหล่งผลิตในอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และจีน โดยมีปริมาณการขายถ่านหินที่สูงขึ้นจากแหล่งผลิตทั้งในออสเตรเลียและอินโดนีเซีย ผนวกกับการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพที่เหมืองเกาเหอในสาธารณรัฐประชาชนจีน ในส่วนของธุรกิจไฟฟ้านั้น โรงไฟฟ้าบีแอลซีพีในประเทศไทย รายงานส่วนแบ่งกำไรจำนวน 17 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 546 ล้านบาท) ขณะที่ธุรกิจไฟฟ้าในสาธารณรัฐประชาชนจีนรายงานกำไรสุทธิในระดับที่ดีต่อเนื่องจำนวน 3.15 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 101 ล้านบาท)"
ผลการดำเนินงานของธุรกิจถ่านหินในอินโดนีเซีย มีปริมาณขายถ่านหินที่เติบโตต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากไตรมาสก่อนหน้า หรือคิดเป็นจำนวน 7.74 ล้านตันสำหรับไตรมาส 3/2557 โดยปริมาณขายจากทุกแหล่งปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะที่เหมืองอินโดมินโคและเหมืองทรูบาอินโด ซึ่งรายงานปริมาณขายจำนวน 4.07 ล้านตัน และ 1.81 ล้านตัน ตามลำดับ
ส่วนธุรกิจถ่านหินในออสเตรเลียนั้น บ้านปูฯ เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อลดต้นทุนการผลิตโดยเฉลี่ย ควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพการขายและบริหารสัดส่วนการจำหน่ายในประเทศและส่งออกต่างประเทศ โดยผลิตและจัดส่งถ่านหินที่มีคุณภาพที่ตอบสนองกับความต้องการของลูกค้า ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ทั้งจากเหมืองแมนดาลองและเหมืองแองกัส เพลส ได้รายงานปริมาณการผลิตที่ปรับสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2557 คิดเป็นปริมาณการผลิต 2.1 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 72 จากเหมืองแมนดาลอง และ 1.2 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 92 จากเหมืองแองกัส เพลส
นอกจากนี้ ธุรกิจถ่านหินในออสเตรเลียยังได้รายงานปริมาณขายที่ปรับเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 44 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว โดยมีปัจจัยบวกมาจากปริมาณการขายและราคาถ่านหินที่จำหน่ายในประเทศซึ่งช่วยลดผลกระทบจากราคาขายถ่านหินที่ลดลงของตลาดส่งออก
ชนินท์เปิดเผยเพิ่มเติมว่า แผนการขยายธุรกิจในสาธารณรัฐประชาชนจีนนั้น เป็นการขยายกำลังการผลิตที่เหมืองเกาเหอซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากความต้องการถ่านหินในประเทศจีนที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ผนวกกับบริษัท Banpu Power International (บ้านปู พาวเวอร์) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบ้านปูฯ ได้ลงนามในสัญญาร่วมทุนเพื่อศึกษาและร่วมพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า Shanxi Lu
Guang โดยภายใต้สัญญานี้ บ้านปู พาวเวอร์ ถือหุ้นร้อยละ 30 ร่วมกับบริษัท Shanxi Lu'an Mining Group และบริษัท Gemeng International Energy Co., Ltd.
โครงการโรงไฟฟ้า Shanxi Lu Guang เป็นโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่ขนาด 1,200 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในมณฑลซานซี สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยจะใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Ultra-super critical ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตกระแสไฟฟ้า โดยใช้เชื้อเพลิงถ่านหินน้อยลง แต่มีประสิทธิภาพหม้อไอน้ำและความร้อนสูง อีกทั้งยังช่วยลดมลภาวะ ทั้งนี้โครงการโรงไฟฟ้าแห่งนี้ซึ่งได้รับการอนุมัติเบื้องต้นจากหน่วยงาน Shanxi Provincial Development and Reform Commission ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา รายละเอียดบางประการของโครงการอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าหงสาซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าปากเหมืองในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีความคืบหน้าตามแผนงานที่วางไว้ตามกำหนด จะเริ่มดำเนินการผลิตกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์จากหน่วยผลิตแรกประมาณกลางปี 2558 ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีหน่วยผลิตทั้งหมด 3 หน่วย มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 1,878 เมกะวัตต์ และมีปริมาณการผลิตที่จำหน่ายได้รวมทั้งสิ้น 1,653 เมกะวัตต์
ผลลัพธ์ “บ้านปู” บุกธุรกิจพลังงาน 6 ประเทศ
บ้านปู จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจถ่านหินและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องใน 6 ประเทศ คือ ไทย อินโดนีเซีย จีน ออสเตรเลีย ลาวและมองโกเลีย สำหรับสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2557 มีสินทรัพย์รวม 7,146 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 261,360 ล้านบาท) และมีหนี้สินรวม 4,639 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 150,184 ล้านบาท) สำหรับอัตราหนี้สินสุทธิต่อทุน ณ วันที่ 30 กันยายน 2557 เท่ากับ 1.10 เท่า (ซึ่งคงเดิมเมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556) และมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน (EPS) เท่ากับ 0.002 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น (0.051 บาทต่อหุ้น) เปรียบเทียบกับปีก่อน 0.008 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น (0.269 บาทต่อหุ้น)
ขณะที่ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2557 มีกำไรสุทธิจำนวน 4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 131 ล้านบาท) ลดลงร้อยละ 81 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลทางบัญชีจากการประกาศยกเลิกภาษีสินแร่โดยรัฐบาลออสเตรเลีย (Mineral Resource Rent Tax: MRRT) ทั้งนี้หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว ซึ่งจะมีผลเพียงในไตรมาสนี้เท่านั้นแล้ว จะมีกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานคิดเป็น 28 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 901 ล้านบาท) ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากไตรมาสก่อนหน้ามากนัก และเพิ่มขึ้นร้อยละ 27 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว
ชนินท์ กล่าวว่า กำไรจากผลการดำเนินงานสะท้อนถึงการผลิตและการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพในสภาวะที่ราคาตลาดถ่านหินไม่เอื้ออำนวยนัก อย่างไรก็ตาม กำไรในส่วนที่ไม่ได้เกิดจากผลประกอบการได้รับผลกระทบทางบัญชีจากการประกาศยกเลิกภาษีสินแร่ MRRT (Mineral Resource Rent Tax: MRRT) โดยรัฐบาลออสเตรเลีย ส่งผลให้ในไตรมาสนี้มีการกลับรายการภาษีจำนวน 24 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 778 ล้านบาท) ซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว และจะไม่ส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดของบริษัทฯ แต่อย่างใด
ทั้งนี้ บมจ.บ้านปู มีรายได้จากการขายรวมจำนวน 852 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 27,345 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 43 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,869 ล้านบาท) หรือคิดเป็นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน รายได้จากการจำหน่ายถ่านหินจำนวน 816 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 26,190 ล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 96 ของรายได้จากการขายรวม สำหรับรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำและอื่นๆ คิดเป็นร้อยละ 4 ของรายได้รวม หรือเป็นจำนวน 36 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,155 ล้านบาท) และในไตรมาส 3/2557 บ้านปูฯ มีปริมาณขายถ่านหินจำนวน 12.42 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยบวกจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณขายถ่านหินของเหมืองในออสเตรเลีย 1.46 ล้านตัน และเหมืองในอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น 0.23 ล้านตัน