บ้านปูชี้ รายได้ไตรมาส 4 วูบต่ำลงกว่าไตรมาสก่อน เหตุจากกำลังการผลิตถ่านหินที่ออสเตรเลียลดลง แถมราคาตลาดอ่อนตัวลงด้วย เผยปี 58 ปรับแผนตลาดส่งออกถ่านหินใหม่ เน้นทำตลาดในจีนและบุกอินเดียเพิ่มขึ้น ขณะที่ไตรมาส 3 กำไรหายไปเกือบ 770 ล้านบาท แจงเป็นผลการบันทึกบัญชีจากการประกาศยกเลิกภาษีสินแร่โดยรัฐบาลออสเตรเลีย
นางสมฤดี ชัยมงคล ผู้ช่วยประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร-การเงิน บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4 นี้ คาดว่ารายได้จะลดลงกว่าไตรมาส 3 ปี 57 เนื่องจากกำลังการผลิตถ่านหินที่เหมือง Centennial ที่ออสเตรเลียจะปรับลดลงมาอยู่ที่ 3.3 ล้านตันจากไตรมาส 3 ที่ผลิตอยู่ที่ 4.6 ล้านตัน ซึ่งเป็นระดับที่สูงมากขณะที่ราคาถ่านหินในตลาดโลกยังต่ำลงมาอีกเฉลี่ยอยู่ที่ 64 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่ทั้งปีเชื่อว่าราคาขายถ่านหินของบริษัทยังรักษาไว้ได้ตามเป้าหมายที่ 70 เหรียญสหรัฐ/ตัน
ส่วนกรณีที่โรงไฟฟ้าบีแอลซีพีที่มีการปิดซ่อมบำรุงเป็นเวลา 2 เดือนนั้น บริษัทไม่ได้บันทึกรับรู้เป็นรายได้ แต่จะบันทึกเป็นกำไรสุทธิ ทำให้คาดว่าไตรมาสนี้การรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีลดลงบ้าง
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายถ่านหินไว้ที่ 50 ล้านตันรวมจีนแล้ว เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่มียอดขาย 48.8 ล้านตัน โดยแนวโน้มราคาถ่านหินในต้นปีหน้าจะต่ำกว่าปีนี้ แต่เชื่อว่ากลางปีราคาถ่านหินน่าจะปรับตัวสูงขึ้นแต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่ดีมานด์และซัปพลายของตลาด
นางสมฤดี กล่าวถึงการเข้าไปร่วมลงทุนพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหิน Shanxi Lu Guang ขนาด 1.2 พันเมกะวัตต์ที่ประเทศจีน ใช้เงินลงทุนรวม 730 ล้านเหรียญสหรัฐ ทางบ้านปูเข้าไปถือหุ้นในโครงการดังกล่าว 30% คาดว่าจะใช้เงินลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น 75 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินจากการดำเนินธุรกิจในจีนเอง
นอกจากนี้ ธุรกิจโรงไฟฟ้าในจีนยังมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมในโรงไฟฟ้าเจิ้งติ้งอีก 25 เมกะวัตต์ เป็น 73 เมกะวัตต์ในปีหน้า และขยายกำลังผลิตโรงไฟฟ้าที่โจวผิงเพิ่มอีก 25 เมกะวัตต์ เป็น 125 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุนไม่มาก ส่วนกรณีที่จีนมีการออกกฎระเบียบเรียกเก็บภาษีจากถ่านหินนำเข้า 6% แต่ไม่ได้บังคับใช้กับประเทศอินโดนีเซีย
ดังนั้น จึงทำให้ถ่านหินจากอินโดนีเซียเข้าจีนโดยไม่ต้องเสียภาษี แต่ทั้งนี้จีนมีการรณรงค์ให้ใช้ถ่านหินในประเทศ ทำให้ปริมาณการนำเข้าถ่านหินในปีนี้ลดลงไป 27 ล้านตัน เหลือเพียง 125 ล้านตัน ดังนั้น ในปีหน้าบริษัทฯ จะปรับแผนการส่งออกใหม่โดยจะลดการส่งออกถ่านหินไปจีนจากเดิม 20% แล้วหันทำส่งออกที่อินเดียเพิ่มขึ้นแทน เนื่องจากอินเดียมีการนำเข้าถ่านหินเพื่อใช้ผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันบ้านปูส่งออกถ่านหินไปอินเดียสัดส่วน 10%
ขณะที่ไตรมาส 3 ปีนี้ บริษัท มีกำไรสุทธิ 131 ล้านบาท ขณะงวดนี้ปีก่อนมีกำไรสุทธิ 693.35 ล้านบาท ลดลง 562.35 ล้านบาท หรือ 81% เป็นผลทางบัญชีจากการประกาศยกเลิกภาษีสินแร่โดยรัฐบาลออสเตรเลีย หรือ MRRT ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว ซึ่งจะมีผลเพียงในไตรมาสนี้เท่านั้น บริษัทจะมีกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงาน 901 ล้านบาท ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากไตรมาสก่อนมากนัก และเพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 56
ดังนั้น กำไรจากการดำเนินงานเป็นผลจากการผลิตและบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพในสภาวะที่ราคาตลาดถ่านหินไม่เอื้ออำนวยนัก อย่างไรก็ตาม กำไรในส่วนที่ไม่ได้เกิดจากผลประกอบการได้รับผลกระทบทางบัญชีจากการประกาศยกเลิกภาษีสินแร่ MRRT (Mineral Resource Rent Tax: MRRT) โดยรัฐบาลออสเตรเลีย ส่งผลให้ในไตรมาสนี้มีการกลับรายการภาษี 778 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว และจะไม่ส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดของบริษัทฯ แต่อย่างใด
นางสมฤดี ชัยมงคล ผู้ช่วยประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร-การเงิน บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4 นี้ คาดว่ารายได้จะลดลงกว่าไตรมาส 3 ปี 57 เนื่องจากกำลังการผลิตถ่านหินที่เหมือง Centennial ที่ออสเตรเลียจะปรับลดลงมาอยู่ที่ 3.3 ล้านตันจากไตรมาส 3 ที่ผลิตอยู่ที่ 4.6 ล้านตัน ซึ่งเป็นระดับที่สูงมากขณะที่ราคาถ่านหินในตลาดโลกยังต่ำลงมาอีกเฉลี่ยอยู่ที่ 64 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่ทั้งปีเชื่อว่าราคาขายถ่านหินของบริษัทยังรักษาไว้ได้ตามเป้าหมายที่ 70 เหรียญสหรัฐ/ตัน
ส่วนกรณีที่โรงไฟฟ้าบีแอลซีพีที่มีการปิดซ่อมบำรุงเป็นเวลา 2 เดือนนั้น บริษัทไม่ได้บันทึกรับรู้เป็นรายได้ แต่จะบันทึกเป็นกำไรสุทธิ ทำให้คาดว่าไตรมาสนี้การรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีลดลงบ้าง
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายถ่านหินไว้ที่ 50 ล้านตันรวมจีนแล้ว เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่มียอดขาย 48.8 ล้านตัน โดยแนวโน้มราคาถ่านหินในต้นปีหน้าจะต่ำกว่าปีนี้ แต่เชื่อว่ากลางปีราคาถ่านหินน่าจะปรับตัวสูงขึ้นแต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่ดีมานด์และซัปพลายของตลาด
นางสมฤดี กล่าวถึงการเข้าไปร่วมลงทุนพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหิน Shanxi Lu Guang ขนาด 1.2 พันเมกะวัตต์ที่ประเทศจีน ใช้เงินลงทุนรวม 730 ล้านเหรียญสหรัฐ ทางบ้านปูเข้าไปถือหุ้นในโครงการดังกล่าว 30% คาดว่าจะใช้เงินลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น 75 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินจากการดำเนินธุรกิจในจีนเอง
นอกจากนี้ ธุรกิจโรงไฟฟ้าในจีนยังมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมในโรงไฟฟ้าเจิ้งติ้งอีก 25 เมกะวัตต์ เป็น 73 เมกะวัตต์ในปีหน้า และขยายกำลังผลิตโรงไฟฟ้าที่โจวผิงเพิ่มอีก 25 เมกะวัตต์ เป็น 125 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุนไม่มาก ส่วนกรณีที่จีนมีการออกกฎระเบียบเรียกเก็บภาษีจากถ่านหินนำเข้า 6% แต่ไม่ได้บังคับใช้กับประเทศอินโดนีเซีย
ดังนั้น จึงทำให้ถ่านหินจากอินโดนีเซียเข้าจีนโดยไม่ต้องเสียภาษี แต่ทั้งนี้จีนมีการรณรงค์ให้ใช้ถ่านหินในประเทศ ทำให้ปริมาณการนำเข้าถ่านหินในปีนี้ลดลงไป 27 ล้านตัน เหลือเพียง 125 ล้านตัน ดังนั้น ในปีหน้าบริษัทฯ จะปรับแผนการส่งออกใหม่โดยจะลดการส่งออกถ่านหินไปจีนจากเดิม 20% แล้วหันทำส่งออกที่อินเดียเพิ่มขึ้นแทน เนื่องจากอินเดียมีการนำเข้าถ่านหินเพื่อใช้ผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันบ้านปูส่งออกถ่านหินไปอินเดียสัดส่วน 10%
ขณะที่ไตรมาส 3 ปีนี้ บริษัท มีกำไรสุทธิ 131 ล้านบาท ขณะงวดนี้ปีก่อนมีกำไรสุทธิ 693.35 ล้านบาท ลดลง 562.35 ล้านบาท หรือ 81% เป็นผลทางบัญชีจากการประกาศยกเลิกภาษีสินแร่โดยรัฐบาลออสเตรเลีย หรือ MRRT ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว ซึ่งจะมีผลเพียงในไตรมาสนี้เท่านั้น บริษัทจะมีกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงาน 901 ล้านบาท ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากไตรมาสก่อนมากนัก และเพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 56
ดังนั้น กำไรจากการดำเนินงานเป็นผลจากการผลิตและบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพในสภาวะที่ราคาตลาดถ่านหินไม่เอื้ออำนวยนัก อย่างไรก็ตาม กำไรในส่วนที่ไม่ได้เกิดจากผลประกอบการได้รับผลกระทบทางบัญชีจากการประกาศยกเลิกภาษีสินแร่ MRRT (Mineral Resource Rent Tax: MRRT) โดยรัฐบาลออสเตรเลีย ส่งผลให้ในไตรมาสนี้มีการกลับรายการภาษี 778 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว และจะไม่ส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดของบริษัทฯ แต่อย่างใด