สหวิริยาสตีลฯ ลั่นปีนี้ขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนแตะ 2 ล้านตัน หลังปีก่อนวูบเหลือ 1.4 ล้านตัน /ปี เชื่อการเมืองนิ่งทำให้ความต้องการใช้เหล็กแผ่นรีดร้อนเพิ่มขึ้นจากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐและเอกชน มั่นใจราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนไม่ลดลงกว่านี้แล้ว หลังจากปีก่อนร่วง 40%
นายวิน วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีล อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) (SSI) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายการจำหน่ายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1.47 ล้านตันเป็น 2 ล้านตัน/ปี เนื่องจากความต้องการใช้เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนในประเทศเพิ่มขึ้นจากการลงทุนของภาครัฐและเอกชน รวมทั้งหันมาผลิตเหล็กพรีเมียมในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจาก 38%เป็น 40% ของปริมาณการผลิตด้วย เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมยานยนต์และพลังงาน ส่วนเหล็กก่อสร้างรางรถไฟทางคู่ของโครงการภาครัฐในอนาคตนั้น แม้ว่าปัจจุบันโรงรีดเหล็กของ SSI จะยังไม่สามารถผลิตได้ แต่หากรัฐบาลมีโครงการที่ชัดเจนก็พร้อมที่จะศึกษาและปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อให้สามารถได้รับประโยชน์จากการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐด้วย
ส่วนความเสี่ยงด้านราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนที่จะปรับลดลงอีกนั้นน่าจะน้อยลงไป หลังจากปีก่อนราคาเหล็กปรับลดลงมามากถึง 40% โดยปีที่แล้วราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนเฉลี่ยอยู่ที่ 679 เหรียญสหรัฐ/ตันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงและค่าเงินรัสเซียที่ลดลงไป แต่โอกาสที่จะเห็นราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนในปีนี้ปรับตัวสูงกว่านี้คงยากเช่นกัน แต่ด้วยระดับราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนในขณะนี้ บริษัทยังรับได้กับส่วนต่างราคาสินค้ากับวัตถุดิบ (สเปรด) แต่จะเน้นผลิตเหล็กในปริมาณที่สูงขึ้น ทำให้ปีนี้คาดว่าสเปรดจะดีกว่าปีก่อน
นายวินกล่าวต่อไปว่า ในปีนี้ความต้องการใช้เหล็กแผ่นรีดร้อนในไทยจะสูงขึ้นกว่าปีก่อน แม้ว่าหลายฝ่ายจะกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง แต่เมื่อการเมืองไทยนิ่งขึ้น เชื่อว่าการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐจะออกมามากขึ้นจะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าต้นปีนี้ปริมาณการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนของบริษัทฯ ยังขยายตัวไม่มาก ขณะเดียวกันบริษัทฯ พยายามลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ลง โดยเฉพาะการลดปริมาณสินค้าและวัตถุดิบคงคลัง เพื่อให้ลดการใช้เงินทุนหมุนเวียนลง ส่งผลให้ต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายลดลงด้วย
ส่วนโรงงานถลุงเหล็กที่อังกฤษนั้น บริษัทฯ พยายามทำให้กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) เป็นบวกได้โดยเร็ว ซึ่งต้องดำเนินการในหลายอย่าง โดยระยะสั้นปีนี้จะเน้นการลดต้นทุน เพิ่มการผลิต และในระยะยาวอาจจะมีการลงทุนที่ใช้เงินไม่มาก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตหลายๆ ด้านซึ่งทำให้ต้นทุนลดลง แต่การลงทุนเหล่านี้ยังต้องรอโอกาสที่เหมาะสม ปัจจุบันโรงถลุงเหล็กมีการผลิตเหล็กแท่งแบน (slab) อยู่ที่ 2.7 ล้านตัน หรือคิดเป็น 70% ของกำลังการผลิตเต็มที่ ซึ่งหากสามารถผลิตได้ระดับ 85-90% ก็จะทำให้โรงถลุงสามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้
แผนพิ่มทุนจดทะเบียนใหม่ 1.6 หมื่นล้านบาท เสนอขายให้แก่นักลงทุนในวงจำกัด (PP) จะทำให้นักลงทุนใหม่ถือหุ้นระดับ 33.2% ขณะที่กลุ่มสหวิริยา ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงมาเหลือ 19.8% จากเดิมถืออยู่ 29.7% นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดว่าจะขายหุ้นให้แก่นักลงทุนเพียงรายเดียวหรือไม่ ตามเงื่อนไขของบริษัทสามารถกระจายหุ้นให้ PP ได้ถึง 35 รายภายใน 1 ปีนับจากนี้ โดยเงินที่ได้จากการขายหุ้นเพิ่มทุนนั้นจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการบริหารด้านวัตถุดิบ ช่วยทำให้ฐานะการเงินของบริษัทฯ และบริษัทย่อย คือ สหวิริยาสตีล ยูเค (SSI UK) ที่อังกฤษมั่นคงขึ้น
สำหรับผลประกอบการปี 2557 บริษัทฯ ขาดทุนสุทธิ 4.9 พันล้านบาท โดยมีปริมาณขายเหล็กแผ่นรีดร้อน 1.47 ล้านตัน ลดลงมาจากระดับ 2.13 ล้านตันในปี 2556 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองในประเทศ และการทุ่มตลาดจากจีน