ร.ฟ.ท.จ่อปรับราคากลางประมูลรถไฟทางคู่ช่วงฉะเชิงเทรา-แก่งคอย หลัง ครม.มีมติให้ทบทวนใหม่ตามราคาน้ำมันที่ลดลง คาดวงเงินลดจาก 1.13 หมื่นล้านแน่นอน ด้าน “ออมสิน” ให้นโยบาย “วุฒิชาติ” เร่งคัดสรรระดับผู้บริหาร รองรับใน 3 ปีทยอยเกษียณอายุ
แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ร.ฟ.ท.เตรียมปรับปรุงราคากลางการประกวดราคาโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย และช่วงบุใหญ่-แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Lines) 3 แห่ง วงเงิน 11,348.35 ล้านบาทใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2557 ให้ทุกหน่วยงานที่มีโครงการอยู่ระหว่างดำเนินการประกวดราคาและยังไม่ลงนามในสัญญาจ้าง พิจารณาปรับราคากลางใหม่ให้สอดคล้องกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ซึ่งคาดว่าราคาน่าจะปรับลดลงจากเดิม
ในขณะเดียวกัน ร.ฟ.ท.อยู่ระหว่างรอการพิจารณาจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เกี่ยวกับร่างเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) ซึ่ง สตง.ยังไม่ตอบกลับมา โดยหาก สตง.ไม่มีข้อท้วงติงใดๆ ร.ฟ.ท.จะเร่งปรับราคากลางและเปิดแข่งขันราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (อี-ออกชัน) ซึ่งการปรับราคากลางไม่มีผลให้ต้องปรับ TOR ใหม่
“ราคากลางจะปรับตามราคาน้ำมันซึ่งปัจจุบันปรับตัวลดลงมามาก และพิจารณาต้นทุนเฉพาะรายการที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมัน ส่วนรายการไหนไม่เกี่ยวก็จะไม่ปรับ คาดว่าจะใช้เวลาพิจารณาปรับราคาไม่นาน เชื่อว่าภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้จะได้เปิดเคาะราคาอี-ออกชันได้ และมั่นใจว่าผู้รับเหมาที่มีสิทธิ์ยื่นเสนอราคาจะยังพร้อมที่จะแข่งขันกันต่อ” แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับผู้รับเหมาที่มีสิทธิ์เสนอราคาอี-ออกชันมีทั้งหมด 6 ราย ประกอบด้วย 1. บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD 2. บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ร่วมกับบริษัท ช.ทวีก่อสร้าง จำกัด 3. บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC 4. บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่งแอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ 5. บริษัท ทิพากร จำกัด
ร่วมกับ บริษัท ไชน่าฮาร์เบอร์ จากประเทศจีน และ 6. บริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง (1964) จำกัด
ด้านนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้เรียกประชุมผู้บริหาร ร.ฟ.ท.เพื่อมอบนโยบายให้แก่นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.คนใหม่ โดยเห็นว่า ร.ฟ.ท.ควรมุ่งเน้นในเรื่องการปรับโครงสร้างองค์กร เนื่องจากในช่วง 3 ปีหลังจากนี้ผู้บริหารระดับรองผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.จะทยอยเกษียณอายุทั้งหมด ดังนั้นเป็นหน้าที่ของนายวุฒิชาติจะต้องเร่งสรรหาบุคลากรที่เหมาะสมเพื่อเตรียมพร้อมกับตำแหน่งงานที่จะว่างลง เพื่อให้การทำงานสอดคล้องกับงานที่ ร.ฟ.ท.จะต้องรับผิดชอบมากขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา