เอเชีย กรีนฯ เดินหน้าลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวลให้ครบ 100 เมกะวัตต์ใน 5 ปีนี้ โดยปี 58 เดินเครื่องโรงไฟฟ้าชีวมวลที่สุโขทัย 3 เมกะวัตต์รับรู้รายได้ทันที 30 ล้านบาท เสริมธุรกิจถ่านหิน ดันรายได้ทั้งปี 58 แตะ 1 หมื่นล้านบาท โตขึ้น 40% จากปีนี้ วางเป้าหมายลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวลเพิ่มปีละ 3-4 โรง โรงละ 9.9 เมกะวัตต์
นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน)(AGE) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีเป้าหมายลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวลครบ 100 เมกะวัตต์ใน 5ปีข้างหน้า หลังจากดำเนินการโครงการนำร่องโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส 1 เมกะวัตต์ และไบโอแมส 2 เมกะวัตต์ที่จังหวัดสุโขทัย คาดว่าจะแล้วเสร็จในปีหน้า บริษัทฯ จะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าดังกล่าว 30 ล้านบาท และในปีถัดไปจะเพิ่มขึ้นเป็น 60-70 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะตั้งโรงไฟฟ้าชีวมวลชนิดไบโอแมสอีก 9.9 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุน 700 ล้านบาท คาดว่าจะมีความชัดเจนในต้นปีหน้า โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวจะตั้งอยู่ที่ภาคใต้เนื่องจากมีความพร้อมด้านวัตถุดิบที่หลากหลาย ซึ่งบริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวลปีละ 3-4 โรง โรงละ 9.9 เมกะวัตต์
นายพนมกล่าวว่า บริษัทฯ ไม่สนใจลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เนื่องจากไม่มีความชำนาญเมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าชีวมวลที่จะเลือกใช้วัตถุดิบได้หลากหลายชนิด เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านราคาวัตถุดิบ อาทิ แกลบเคยมีราคาตันละ 500 บาทแต่ปัจจุบันขยับขึ้นไปถึง 1,500 บาท/ตัน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงหาโอกาสที่จะซื้อเหมืองถ่านหินขนาดกลางเพื่อความมั่นคง โดยไม่ได้หยุด เพียงแต่พิจารณาอย่างรอบคอบและเหมาะสม แม้ว่าบริษัทฯ จะไม่มีเหมืองถ่านหินเป็นของตัวเองแต่ก็สามารถเพิ่มปริมาณการขายถ่านหินสูงขึ้น
ในปีหน้าบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้โตขึ้นอยู่ที่ระดับ 1 หมื่นล้านบาทจากปีนี้มีรายได้ 7 พันล้านบาท หรือโตขึ้น 40% เนื่องจากวางแผนขายถ่านหินเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านตันจากปีนี้มีปริมาณการขายถ่านหิน 4 ล้านตัน และรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวลที่จังหวัดสุโขทัยด้วย โดยยอมรับว่าแนวโน้มราคาถ่านหินในปีหน้าจะทรงตัวหรืออาจลดลงเล็กน้อยจากปัจจุบันอยู่ที่ 67-68 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากเหมืองผู้ผลิตถ่านหินมีการลดต้นทุนการผลิตลงทำให้ราคาขายอาจปรับตัวลงเล็กน้อย
สำหรับตลาดส่งออกถ่านหินหลักยังคงเป็นจีน ที่มีความต้องการใช้ถ่านหินสูงถึงปีละ 3.6 พันล้านตัน ต้องนำเข้าจากต่างประเทศเฉลี่ยปีละ 300 ล้านตัน ซึ่งเป็นโอกาสที่บริษัทฯ จะทำตลาดในจีนได้อีกมาก ซึ่งยอดขายถ่านหินของบริษัทฯ มีสัดส่วนการส่งออกในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 64% ที่เหลือเป็นการขายถ่านหินในประเทศไทย 34%
นายลิขิต เลาบวรเศรษฐี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท
เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้จะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่อยู่ในระดับ 11-12% แม้ว่าในช่วงไตรมาส 2/57 จะปรับลดลงไปเล็กน้อยจากการที่บริษัทได้เพิ่มจำนวนบุคลากรเพื่อใช้ในการหาแหล่งวัตถุดิบใหม่ๆ และการหาลูกค้าใหม่มากขึ้น แต่เชื่อว่าแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นในช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก อีกทั้งไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจ เนื่องจากเข้าสู่ฤดูหนาว ทำให้ความต้องการใช้ถ่านหินเพิ่มสูงขึ้น
นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน)(AGE) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีเป้าหมายลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวลครบ 100 เมกะวัตต์ใน 5ปีข้างหน้า หลังจากดำเนินการโครงการนำร่องโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส 1 เมกะวัตต์ และไบโอแมส 2 เมกะวัตต์ที่จังหวัดสุโขทัย คาดว่าจะแล้วเสร็จในปีหน้า บริษัทฯ จะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าดังกล่าว 30 ล้านบาท และในปีถัดไปจะเพิ่มขึ้นเป็น 60-70 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะตั้งโรงไฟฟ้าชีวมวลชนิดไบโอแมสอีก 9.9 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุน 700 ล้านบาท คาดว่าจะมีความชัดเจนในต้นปีหน้า โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวจะตั้งอยู่ที่ภาคใต้เนื่องจากมีความพร้อมด้านวัตถุดิบที่หลากหลาย ซึ่งบริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวลปีละ 3-4 โรง โรงละ 9.9 เมกะวัตต์
นายพนมกล่าวว่า บริษัทฯ ไม่สนใจลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เนื่องจากไม่มีความชำนาญเมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าชีวมวลที่จะเลือกใช้วัตถุดิบได้หลากหลายชนิด เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านราคาวัตถุดิบ อาทิ แกลบเคยมีราคาตันละ 500 บาทแต่ปัจจุบันขยับขึ้นไปถึง 1,500 บาท/ตัน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงหาโอกาสที่จะซื้อเหมืองถ่านหินขนาดกลางเพื่อความมั่นคง โดยไม่ได้หยุด เพียงแต่พิจารณาอย่างรอบคอบและเหมาะสม แม้ว่าบริษัทฯ จะไม่มีเหมืองถ่านหินเป็นของตัวเองแต่ก็สามารถเพิ่มปริมาณการขายถ่านหินสูงขึ้น
ในปีหน้าบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้โตขึ้นอยู่ที่ระดับ 1 หมื่นล้านบาทจากปีนี้มีรายได้ 7 พันล้านบาท หรือโตขึ้น 40% เนื่องจากวางแผนขายถ่านหินเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านตันจากปีนี้มีปริมาณการขายถ่านหิน 4 ล้านตัน และรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวลที่จังหวัดสุโขทัยด้วย โดยยอมรับว่าแนวโน้มราคาถ่านหินในปีหน้าจะทรงตัวหรืออาจลดลงเล็กน้อยจากปัจจุบันอยู่ที่ 67-68 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากเหมืองผู้ผลิตถ่านหินมีการลดต้นทุนการผลิตลงทำให้ราคาขายอาจปรับตัวลงเล็กน้อย
สำหรับตลาดส่งออกถ่านหินหลักยังคงเป็นจีน ที่มีความต้องการใช้ถ่านหินสูงถึงปีละ 3.6 พันล้านตัน ต้องนำเข้าจากต่างประเทศเฉลี่ยปีละ 300 ล้านตัน ซึ่งเป็นโอกาสที่บริษัทฯ จะทำตลาดในจีนได้อีกมาก ซึ่งยอดขายถ่านหินของบริษัทฯ มีสัดส่วนการส่งออกในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 64% ที่เหลือเป็นการขายถ่านหินในประเทศไทย 34%
นายลิขิต เลาบวรเศรษฐี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท
เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้จะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่อยู่ในระดับ 11-12% แม้ว่าในช่วงไตรมาส 2/57 จะปรับลดลงไปเล็กน้อยจากการที่บริษัทได้เพิ่มจำนวนบุคลากรเพื่อใช้ในการหาแหล่งวัตถุดิบใหม่ๆ และการหาลูกค้าใหม่มากขึ้น แต่เชื่อว่าแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นในช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก อีกทั้งไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจ เนื่องจากเข้าสู่ฤดูหนาว ทำให้ความต้องการใช้ถ่านหินเพิ่มสูงขึ้น
