xs
xsm
sm
md
lg

PTTGC ชี้ Q3 สรุปร่วมทุนพลาสติก “คอมพาวด์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พีทีที โกลบอลฯ ลั่นได้สรุปโครงการพลาสติก คอมพาวด์ และโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ในอินโดนีเซียในไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาส 4 นี้ ยอมรับไตรมาส 2 ได้รับผลกระทบธุรกิจอะโรเมติกส์ฉุด เหตุมาร์จิ้นพาราไซลีนวูบ แต่ไตรมาส 3 นี้เริ่มสดใส

นายปฏิภาณ สุคนธมาน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชีบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) เปิดเผยความคืบหน้าการร่วมลงทุนกับเปอร์ตามิน่า ในโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ที่อินโดนีเซียว่า ขณะนี้ทางเปอร์ตามิน่าอยู่ระหว่างการศึกษาการขยายกำลังการผลิตโรงกลั่นน้ำมันเป็น 2.6-3 แสนบาร์เรล/วัน จากเดิมที่มีกำลังการผลิตอยู่ 1.25 แสนบาร์เรล/วัน เพื่อให้ได้แนฟทามาป้อนให้โครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ที่จะตั้งอยู่เมืองบาลองกัน ประเทศอินโดนีเซียตามผลศึกษาของบริษัทฯ ซึ่ง PTTGC จะไม่ได้เข้าไปลงทุนโครงการโรงกลั่นน้ำมันดังกล่าวแต่จะเน้นลงทุนโครงการปิโตรเคมีเป็นหลัก คาดว่าจะได้ข้อสรุปในสิ้นไตรมาส 3 นี้

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะมีโรงโอเลฟินส์แครกเกอร์ขนาด 1.5 ล้านตัน และโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกต่อเนื่อง รวมไปถึงโรงงานผลิตอะโรเมติกส์เพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการหาพันธมิตรร่วมทุนรายใหม่ในโครงการนี้คงต้องรอให้โครงการดังกล่าวมีความชัดเจนและทำสัญญาร่วมทุนโครงการดังกล่าวก่อน จึงพิจารณาหาพันธมิตรใหม่

นายปฏิภาณกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้บริษัทยังได้เจรจากับพันธมิตรที่มีเทคโนโลยีในการร่วมทุนทำพลาสติก คอมพาวด์ ในประเทศไทย เพื่อป้อนอุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยโครงการเหล่านี้จะใช้เงินไม่สูงมาก คาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาส 4/2557 โดยจะลงทุนให้ได้อย่างน้อย 2 โครงการในปีนี้

สำหรับเม็ดเงินลงทุนนั้น บริษัทมีกระแสเงินสดเพียงพอที่จะลงทุน โดยล่าสุดเตรียมออกหุ้นกู้วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้กำหนดงบลงทุนไว้ 500 ล้านเหรียญในปีนี้เพื่อใช้สำหรับการลงทุนโครงการต่างๆ ตามแผนงาน หากมีโครงการลงทุนใหม่เข้ามาเสริมก็สามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินได้อีก

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/2557 บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากราคาและมาร์จิ้นที่ต่ำของธุรกิจอะโรเมติกส์โดยเฉพาะพาราไซลีน ทำให้ธุรกิจอะโรเมติกส์ในไตรมาสนี้ขาดทุน แต่เนื่องจากสัดส่วนรายได้จากอะโรเมติกส์ไม่มากเมื่อเทียบกับสายโอเลฟินส์ที่เป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ โดยราคาเม็ดพลาสติก HDPE ยังปรับตัวดีขึ้นและมาร์จิ้นยังดีอยู่ โดยราคาเฉลี่ย 1,550 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบ (สเปรด) อยู่ที่ 600 เหรียญสหรัฐ /ตัน และไตรมาส 2/57 ไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงงานเหมือนไตรมาสก่อน และโรงแยกก๊าซฯ หน่วยที่ 5 เดินเครื่องจักรได้เต็มที่ ทำให้ผลกระทบจากธุรกิจอะโรเมติกส์ไม่มากนัก

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาอะโรเมติกส์ในปลายไตรมาส 2 นี้ได้ปรับตัวสูงขึ้นจากต้นปี57 โดยเฉพาะพาราไซลีน เนื่องจากมีการหยุดซ่อม บำรุงโรงงานผลิตพาราไซลีน ทำให้สเปรดพาราไซลีนขยับมาอยู่ที่ 450 เหรียญสหรัฐ/ตัน ดีกว่าไตรมาส 2 เฉลี่ย 350 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่วนสเปรดเบนซีนก็ขยับขึ้นเช่นกันอยู่ที่ 400 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากไตรมาส 2 เฉลี่ย 350 เหรียญสหรัฐ/ตัน คงต้องดูว่าแนวโน้มสเปรดพาราไซลีนจะยืนระดับสูงนี้ได้ต่อเนื่องตลอดครึ่งปีหลังหรือไม่ หลังจากสเปรดขยับขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้โรงงานที่เคยปิดซ่อมบำรุงก็จะกลับมาผลิตใหม่อีกครั้ง



กำลังโหลดความคิดเห็น