“ไทยออยล์” เตรียมยื่นข้อเสนอปรับปรุงโรงกลั่นเก่าและสร้างโรงกลั่นใหม่ในพม่าภายใน 2 เดือนนี้ คาดได้ข้อสรุปภายในปี 57 ส่วนผลศึกษาโครงการผลิต WAX ที่อินโดนีเซียออกมาดี คาดก่อสร้างได้ปีหน้า
นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP) เปิดเผยว่า บริษัทจับมือกับ ปตท.เตรียมยื่นข้อเสนอในการปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันเก่า รวมทั้งยื่นข้อเสนอสร้างโรงกลั่นน้ำมันใหม่ของพม่าในอีก 1-2เดือนข้างหน้านี้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเสนอปรับปรุงโรงกลั่น Thanllyin ซึ่งมีโรงกลั่นขนาด 2 หมื่นบาร์เรล/วัน รวมทั้งเสนอสร้างโรงกลั่นใหม่ขนาด 1.5 แสนบาร์เรล/วันในพื้นที่เดิม ซึ่งเห็นว่าเป็นระดับที่เหมาะสมกับความต้องการใช้น้ำมันในพม่า จากปัจจุบันที่มีการใช้น้ำมันอยู่ 7 หมื่นบาร์เรล/วัน โดยโครงการดังกล่าวจะเป็นการร่วมทุนกับพม่า
“เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐมนตรีด้านพลังงานพม่าได้เดินทางมาเยี่ยมชมโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ ซึ่งบริษัทมีความเชี่ยวชาญด้านโรงกลั่นน้ำมันมานานหลายสิบปี”
ส่วนโครงการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ Wax ที่จะร่วมทุนกับเปอร์ตามินา ประเทศอินโดนีเซีย จากการศึกษาเบื้องต้นซึ่งพบว่ามีผลตอบแทนที่ดีและเตรียมลงรายละเอียดด้านวิศวกรรมคาดว่าได้ข้อสรุปในปีนี้ หลังจากนั้นจะดำเนินการก่อสร้างอีก 2 ปีนับเป็นโครงแรกของไทยออยล์ในอินโดนีเซีย หลังจากนั้นก็จะมองหาโอกาสการลงทุนเพิ่มเติม
นายวีรศักดิ์กล่าวว่า บริษัทฯ มองหาโอกาสที่จะขยายการลงทุนในต่างประเทศ โดยบริษัทได้กลั่นกรองโอกาสการลงทุนพบว่ามี 3 ประเทศที่น่าสนใจและแข่งขันได้ คือ อินโดนีเซีย เวียดนาม และพม่า เนื่องจากประเทศดังกล่าวยังต้องนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากต่างประเทศ
สำหรับเงินลงทุนใน 5 ปีนี้จะใช้เงินลงทุน 3.4 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนโครงการต่อเนื่อง โดยปีนี้จะดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของหน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 3 (CDU-3) ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลังงานของหน่วยกลั่นน้ำมัน โดยติดตั้งอุปกรณ์ แลกเปลี่ยนความร้อนเพิ่มเติม ทำให้สามารถลดการใช้เชื้อเพลิงได้ถึง 15% หรือคิดเป็น 596 ล้านบาท/ปี จะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 นี้ หลังจากมีการปิดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 3 ในเดือน มิ.ย.นี้เป็นเวลา 55 วัน ทำให้กำลังการกลั่นหายไป 1.65 แสนบาร์เรล/วัน
ส่วนโครงการปรับปรุงหน่วยกลั่นสุญญากาศที่ 2 (HVU-2) จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกลั่นแยก ทำให้ลดปริมาณน้ำมันเตาจาก 9% เหลือ 7% แต่เพิ่มปริมาณน้ำมันดีเซลที่มีมูลค่าสูงกว่าได้อีกด้วย คิดเป็นมูลค่า 530 ล้านบาท
ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติวงเงินในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ให้แก่นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศวงเงินรวมไม่เกิน 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเมื่อรวมกับวงเงินที่เคยได้รับอนุมัติก่อนหน้านี้อีก 680 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมเป็น 1,180 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นวงเงินที่เตรียมไว้ใช้ในการลงทุนโครงการต่างๆ ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะออกหุ้นกู้เมื่อไหร่ รอจังหวะที่เหมาะสมก่อน เนื่องจากบริษัทได้มีการชำระคืนหนี้ที่ครบกำหนดชำระในปีนี้ไปแล้ว 1.2 หมื่นล้านบาท
สำหรับทิศทางราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 102 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลงจากปีก่อนที่เฉลี่ย 105 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนธุรกิจอะโรเมติกส์ในปีนี้ ราคาพาราไซลีนคาดว่าจะอ่อนตัวลงจากกำลังการผลิตใหม่ที่เข้ามามาก โดยล่าสุดส่วนต่างราคาพาราไซลีนกับวัตถุดิบ (สเปรด) อยู่ที่ 200 กว่าเหรียญสหรัฐ/ตัน ต่ำกว่าราคาเฉลี่ยปีที่แล้วอยู่ที่ 400 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่วนสเปรดสารเบนซีนราคาปรับตัวดีขึ้น ล่าสุดอยู่ที่ 300 กว่าเหรียญสหรัฐ/ตัน โดยบริษัทคงต้องจับตาทิศทางเศรษฐกิจจีนเพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเป็นตัวกำหนดราคาพาราไซลีนว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลง
