xs
xsm
sm
md
lg

PTTGC เลื่อนสรุปทำเลตั้ง รง.ปิโตรฯ ที่อินโด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พีทีที โกลบอลฯ เลื่อนสรุปทำเลที่ตั้งโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ที่อินโดนีเซีย รายละเอียดโครงการและเงินลงทุนในไตรมาส 2-3 นี้ ระบุจำเป็นต้องรอบคอบเพื่อให้โครงการมีผลตอบแทนสูงสุด ส่วนการร่วมทุนกับ IRPC ยังไม่มีข้อสรุปในช่วงนี้ มั่นใจปีนี้ผลดำเนินงานบริษัทฯ ดีกว่าปีก่อน เหตุสเปรดเม็ดพลาสติกพุ่งและค่าเงินบาทอ่อน

นายปฏิภาณ สุคนธมาน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท พีทีที โกลบอลเคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) เปิดเผยถึงการร่วมลงทุนโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ที่อินโดนีเซียว่า ขณะนี้บริษัทกับ พีที เปอร์ตามิน่า ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของอินโดนีเซียอยู่ระหว่างการพิจารณาทำเลที่ตั้งโครงการ ทั้งที่ Plaju ในเกาะสุมาตรา และพื้นที่ไม่ห่างจากจาการ์ตา บนเกาะชวา ซึ่งแต่ละที่มีทำเลที่มีจุดเด่นต่างกันไป รวมทั้งรายละเอียดโครงการต่างๆ และเงินลงทุน คาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาส 2 หรือไตรมาส 3 นี้ เลื่อนจากเดิมที่เคยคาดไว้ในช่วงไตรมาส 1/57

“ทำเลที่ตั้งโครงการมีความสำคัญมาก ต้องอยู่ไม่ไกลจากทะเลเพื่อลดต้นทุนการขนส่งวัตถุดิบไปยังโรงงาน ซึ่งเมื่อเลือกทำเลที่ตั้งได้แล้วก็ต้องทำเอนจิเนียริ่ง ดีไซน์เพื่อสรุปว่าค่าใช้จ่ายในการลงทุนโครงการต่างๆ ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาระดับหนึ่ง โดยเบื้องต้นคาดว่าโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ใช้เงินลงทุนรวม 4-5 พันล้านเหรียญสหรัฐ”

อย่างไรก็ตาม ปีนี้บริษัทร่วมทุนระหว่างพีทีที โกลบอลฯ กับเปอร์ตามิน่าที่จะตั้งขึ้นใหม่เพื่อทำการตลาด จะนำเข้าเม็ดพลาสติกเพื่อทำตลาดในประเทศ โดยตั้งเป้าหมายว่าภายใน 4-5 ปีนี้จะทำตลาดเม็ดพลาสติกให้ได้ 3 แสนตัน/ปี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นระดับหนึ่งให้แก่โครงการร่วมลงทุนดังกล่าว

นายปฏิภาณกล่าวต่อไปว่า ส่วนการร่วมทุนกับไออาร์พีซีในโครงการต่อยอดฟินิกซ์ 4-6 โครงการนั้น บริษัทฯ คงต้องพิจารณาผลตอบแทนการลงทุนเป็นสำคัญ เนื่องจากบริษัทฯ มีโครงการลงทุนตามแผนงานอยู่แล้ว ซึ่งจะเน้นการลงทุนโครงการผลิตสินค้ามูลค่าเพิ่ม (HVA) ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปแต่อย่างใด

ส่วนแนวโน้มราคาปิโตรเคมีในปีนี้คาดว่าจะดีขึ้นจากปีก่อนโดยเฉพาะโอเลฟินส์แครกเกอร์ ซึ่งส่วนต่างราคาเม็ดพลาสติกเอชดีพีอีกับวัตถุดิบ (สเปรด) อยู่ที่ระดับ 600 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่สายโอเลฟินส์พบว่าต้นปีนี้สเปรดพาราไซลีนอ่อนตัวลงมากจากปลายปีที่แล้วอยู่ที่ 660 เหรียญสหรัฐ/ตัน มาอยู่ที่ 400 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่ราคาเบนซีนปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ตันละ 300 กว่าเหรียญสหรัฐ จากปลายปีที่แล้วอยู่ที่ 200 เหรียญสหรัฐ/ตัน

สาเหตุสำคัญที่ทำให้พาราไซลีนอ่อนตัวลงมาก เนื่องจากปีนี้มีกำลังการผลิตพาราไซลีนใหม่ในตลาดโลกประมาณ 3 ล้านตัน แต่โรงงานผลิตพีทีเอที่เกิดขึ้นใหม่ในโลกปีนี้จะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้คงราวกลางปี ทำให้กำลังการผลิตพาราไซลีนล้นตลาดชั่้วคราว แต่เชื่อว่าทั้งปีสเปรดพาราไซลีนจะอยู่ที่ระดับ 500 เหรียญสหรัฐ/ตัน

ดังนั้น ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปีนี้น่าจะดีกว่าปี 2556 เนื่องจากการใช้กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 89% เป็น 92-93% เนื่องจากโรงแยกก๊าซฯ หน่วยที่ 5 ของ ปตท.คาดว่าจะซ่อมแล้วเสร็จในครึ่งหลังเดือนมีนาคมนี้ หลังจากเกิดอุบัติเหตุฟ้าผ่าทำให้ลดกำลังการผลิตลง 50% ทำให้โรงโอเลฟินส์ แครกเกอร์ของบริษัทฯ กลับมาผลิตได้เต็มที่อีกครั้ง ซึ่งระหว่างนี้บริษัทฯ ได้มีการปิดซ่อมบำรุงโรงโอเลฟินส์แครกเกอร์บางโรง (โรง I 1) เป็นเวลา 35 วัน คาดว่าโรงงานดังกล่าวจะกลับมาผลิตได้ทันโรงแยกก๊าซฯ หน่วยที่ 5 เดินเครื่องเต็มที่

นอกจากนี้ สเปรดราคาเม็ดพลาสติกก็ปรับตัวสูงขึ้น และอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์อยู่ที่ 33 บาท/ดอลลาร์ จากปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่ 31 บาท ทำให้รับรู้รายได้ในรูปเงินบาทมากขึ้น เนื่องจากการซื้อขายอิงสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2556 พีทีที โกลบอลฯ และพีที เปอร์ตามิน่าได้ลงนามข้อตกลงเบื้องต้นในการร่วมทุนทำการผลิต (HOA) ในโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่อินโดนีเซีย โดยเปอร์ตามีน่าจะถือหุ้นราว 51% และพีทีที โกลบอลฯ ถือหุ้น 49%

เบื้องต้นโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์จะตั้งโรงโอเลฟินส์ที่มีกำลังการผลิตเอทิลีน 1 ล้านตัน/ปี โพรพิลีน 5.5 แสนตัน/ปี และโครงการปิโตรเคมีขั้นปลาย เช่น โรงงานผลิตเม็ดพลาสติก HDPE, LDPE และผลิตภัณฑ์อื่นที่เป็นที่ต้องการตลาดในอินโดนีเซีย ตั้งเป้าจะสร้างโรงงานเสร็จในปี 2561 ส่วนการหาพันธมิตรร่วมทุนรายที่ 3 นั้นคงต้องหลังจากลงนามสัญญาร่วมทุนกับเปอร์ตามิน่าก่อน
กำลังโหลดความคิดเห็น