“สุกฤตย์” ขอเวลา 5 ปีนำไออาร์พีซีทำกำไร 1 หมื่นล้านบาท หลังเร่งเดินหน้าโครงการฟินิกซ์ โครงการ DELTA รวมถึงโครงการต่อยอดฟินิกซ์ที่เริ่มทยอยสร้างกำไรเข้ามา ส่วนแนวคิดการควบรวมกิจการกับพีทีที โกลบอลฯ คงต้องรอให้โครงการฟินิกซ์แล้วเสร็จก่อนค่อยศึกษาว่าจะสร้าง Synergy ร่วมกันได้อย่างไร
นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายมีกำไรสูงถึง 1 หมื่นล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับสินทรัพย์รวมที่มีอยู่ 1.5 แสนล้านบาท โดยนำแนวคิดและการบริหารด้วยกลยุทธ์โครงการ DELTA เข้ามาขับเคลื่อนเพื่อให้องค์กรก้าวสู่ความเป็นเลิศทั้งด้านการปฏิบัติการ การค้า และทรัพยากรบุคคล ซึ่งจะช่วยสร้างกำไรให้บริษัทฯ เฉลี่ยปีละ 3 พันล้านบาทใน 2 ปีนี้ โดยปี 2557 คาดว่าจะรับรู้กำไรจาก DELTA 2 พันล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีการลงทุนภายใต้โครงการฟินิกซ์ โดยเฉพาะโครงการเพิ่มมูลค่าเพื่อผลิตภัณฑ์สะอาด (UHV) ที่จะช่วยเพิ่มรายได้และสร้างความเข้มแข็งด้านการเงิน รวมทั้งยังมีโครงการต่อยอดฟินิกซ์ มูลค่าการลงทุนรวม 6.5 หมื่นล้านบาทในอนาคต ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ไออาร์พีซีมีความเข้มแข็งและก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านธุรกิจปิโตรเคมีครบวงจรชั้นนำในเอเชียได้
ทั้งนี้ โครงการต่อยอดฟินิกซ์มี 6 โครงการ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) คาดว่าจะมีความชัดเจนในไตรมาส 1/2557 ซึ่งโครงการต่อยอดฟินิกซ์ ประกอบด้วย โครงการผลิตพาราไซลีน (PX) 1.21 ล้านตัน/ปี และเบนซีน 3.72 แสนตัน/ปี โครงการผลิตโพลีโพรพิลีน คอมพาวด์ (PPC) 3 แสนตัน/ปี โครงการผลิตโพลีออล 1 แสนตัน/ปี โครงการผลิตอะคริลิค แอซิด/ซูเปอร์ แอบซอฟเบนต์ พอลิเมอร์ (AA/SAP) กำลังการผลิต AA 1 แสนตัน/ปี และ SAP 8 หมื่นตัน/ปี โครงการ Bio-Hydrogenated Diesel (BHD) 2 ล้านลิตร/เดือน และโครงการผลิตสไตรีน โมโนเมอร์ (SM) 3.50 แสนตัน/ปี
นอกจากนี้ บริษัทฯ จะมีการเร่งใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินที่มีอยู่ให้ได้สูงสุด เช่น ที่ดินบริเวณบ้านค่ายที่มีอยู่ 2 พันไร่ก็อยู่ระหว่างการรอใบอนุญาตการจัดการเขตประกอบการจาก กนอ.เพื่อพัฒนาเป็นนิคมฯ บ้านค่าย จังหวัดระยอง โดยตั้งเป้าหมายการขายที่ดินในปีนี้ 100-200 ไร่ ส่วนที่ดินที่จะนะ จังหวัดสงขลานั้นจะพิจารณาว่าจะทำอะไรได้บ้าง จากเดิมที่เคยมีแผนลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์ม แต่สุดท้ายได้ยกเลิกไปเพราะไม่มีใบอนุญาตการซื้อขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
“จุดเด่นของไออาร์พีซีอยู่ที่การเป็น Fully Integrated Petrochemical ที่ต่างจากไทยออยล์ หรือพีทีที โกลบอลฯ แต่มีจุดเสียเปรียบตรงที่แต่ละยูนิตมีขนาดเล็ก ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยสูง ดังนั้นจำเป็นต้องปรับปรุงการผลิตให้เป็น Specialty Products ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่บริษัทขยายการลงทุนภายใต้ฟินิกซ์ อีกทั้งจำนวนพนักงานที่มากถึง 5 พันคน ทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรสูงมากถึงปีละ 6 พันล้านบาท ทำอย่างไรจะสร้างรายได้เพิ่มหรือลดต้นทุน และโชคดีที่บริษัทฯ มีการโตต่อเนื่องจากการขยายการลงทุน ทำอย่างไรจะรับพนักงานให้น้อยที่สุด ซึ่งเท่ากับเป็นการลดต้นทุนโดยปริยาย”
นายสุกฤตย์กล่าวถึงแนวคิดการควบรวมกิจการไออาร์พีซีกับพีทีที โกลบอลฯ ว่าจะยังไม่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เพราะต้องรอให้โครงการฟินิกซ์แล้วเสร็จในปี 2558 จึงค่อยมาพิจารณาการควบรวมกิจการสร้าง Synergy ร่วมกันของ 2 บริษัท และความเหมาะสม โดยยอมรับว่าขณะนี้ไออาร์พีซียังมีคดีความอยู่ในศาลอีกมาก และพีทีที โกลบอลฯ เองก็เพิ่งควบรวมกิจการมาไม่นาน จึงยังไม่มีการศึกษาเรื่องการควบรวมกิจการแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เมื่อโครงการ UHV แล้วเสร็จในไตรมาส 3/2558 จะทำให้โรงกลั่นน้ำมันไออาร์พีซีสามารถกลั่นได้เพิ่มขึ้นเป็น 2 แสนบาร์เรล/วันจากปัจจุบันที่กลั่นน้ำมันอยู่ 1.7-1.8 แสนบาร์เรล/วัน และสามารถผลิตโพรพิลีนเพิ่มขึ้นอีก 3.2 แสนตัน/ปี
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2556 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 41 ล้านบาท ปี 2555 ขาดทุนสุทธิ 958 ล้านบาท และปี 2554 กำไรสุทธิ 4,106 ล้านบาท