พีทีที โกลบอลฯ เจรจาพันธมิตรต่างชาติตั้งโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกคอมพาวนด์ หวังเจาะตลาดชิ้นส่วนยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า คาดว่าได้ข้อสรุปในปีนี้ ส่วนการร่วมทุนตั้งโรงงานปิโตรเคมีที่อินโดนีเซียและจีนมั่นใจมีความชัดเจนในปี 2557 ฟุ้งไตรมาส 2 กำไรดีกว่า Q1/57
นายบวร วงศ์สินอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรทั้งจีน ยุโรป และสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเจ้าของเทคโนโลยีเพื่อร่วมทุนผลิตเม็ดพลาสติกคอมพาวนด์ป้อนอุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้อย่างน้อย 2 โครงการ ซึ่งหนึ่งโครงการเป็นการลงทุนเอง
ปัจจุบันความต้องการใช้เม็ดพลาสติกคอมพาวนด์ที่ใช้ผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 19 ล้านตัน/ปี ส่วนใหญ่ความต้องการอยู่ในตลาดเอเชีย 12 ล้านตัน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 1 ล้านตัน ดังนั้น การตั้งโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกคอมพาวนด์นี้จะมีกำลังการผลิตอย่างน้อย 1 แสนตัน/ปี รองรับความต้องการใช้ในประเทศและส่งออก ซึ่งการคัดเลือกพันธมิตรร่วมทุนจะต้องมีจุดแข็งด้านการตลาดและสูตรการผลิตคอมพาวนด์ที่หลากหลาย
“การผลิตเม็ดพลาสติกคอมพาวนด์ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะพัฒนาไปสู่เม็ดพลาสติกเกรดพิเศษที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญในการไปสู่จุดนั้นในอนาคตของบริษัทฯ โดยพลาสติกเกรดพิเศษมีมาร์จิ้น 8-30%”
ส่วนความคืบหน้าการร่วมลงทุนโครงการปิโตรคอมเพล็กซ์กับเปอร์ตามิน่า ที่ประเทศอินโดนีเซีย เบื้องต้นสรุปเลือกพื้นที่เมืองบางลองกันในการตั้งโครงการดังกล่าว ส่วนรายละเอียดว่าจะมีการลงทุนโรงงานปิโตรเคมีอะไรบ้าง และจะใช้เงินลงทุนเท่าใดคาดว่าจะมีข้อสรุปภายในปีนี้ และเริ่มก่อสร้างโรงงานในปี 2558 ส่วนการเจรจากับซิโนเคมของจีนในการผลิตโพลียูรีเทนนั้นก็คืบหน้าไปได้ด้วยดี คาดว่าปีนี้จะมีความชัดเจน
นายบวรกล่าวถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2557 ว่า ไตรมาสนี้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะมีกำไรสุทธิสูงกว่าไตรมาส 1/2557 ที่มีกำไรสุทธิ 6,296 ล้านบาท เนื่องจากการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นหลังจากโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 5 ของ ปตท.เดินเครื่องจักรได้เต็มที่ และไม่มีการปิดซ่อมบำรุงเหมือนไตรมาสก่อน คาดว่าไตรมาสนี้จะใช้กำลังการผลิตได้ 90% จากไตรมาสก่อนที่เดินเครื่องจักรเพียง 77% และสเปรดราคาโอเลฟินส์ยังสูงอยู่ ส่วนอะโรเมติกส์คาดว่าสเปรดจะทรงตัวใกล้เคียงไตรมาส 1/2557 สเปรดพาราไซลีนอยู่ที่ 330 เหรียญสหรัฐ/ตัน
นายปฏิภาณ สุคนธมาน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงินและบัญชี บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล กล่าวว่า อัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA Margin) ในปีนี้จะใกล้เคียงปีก่อนที่ 10% เนื่องจากปีนี้ราคาโอเลฟินส์ดีขึ้น แม้ว่าจะถูกอะโรเมติกส์ถ่วงผลประกอบการบ้าง แต่เนื่องจากสัดส่วน EBITDA จากโอเลฟินส์มีถึง 50% แต่อะโรเมติกส์มีสัดส่วนอยู่ 20% จึงไม่ค่อยกระทบภาพรวมมากนัก
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมที่จะออกหุ้นกู้เสนอขายในประเทศจำนวนประมาณ 7,000-10,000 ล้านบาทในช่วงปลายไตรมาส 2 หรือไตรมาส 3 ปีนี้ เพื่อรักษาฐานเงินสดให้อยู่ระดับเดิม เนื่องจากบริษัทได้ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระเมื่อ เม.ย.ที่ผ่านมาจำนวน 1.5 หมื่นล้านบาท