“พีทีที โกลบอลฯ” ออกหุ้นกู้ 1 หมื่นล้านบาท อายุ 7 ปี เสนอขายผู้ถือหุ้นกู้เดิม PTTGC144A และผู้ลงทุนทั่วไป ฟุ้งราคาอะโรเมติกส์ในปลายไตรมาส 2 ขยับสูงขึ้นโดยเฉพาะพาราไซลีน หลังจากตกต่ำมานาน
นายบวร วงศ์สินอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท อายุ 7 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2564 อัตราดอกเบี้ย 4.50%ต่อปี การเสนอขายหุ้นกู้สกุลบาทดังกล่าวนี้เพื่อต้องการรักษาฐานนักลงทุนไทยไว้ หลังจากหุ้นกู้บาททยอยครบกำหนดชำระคืนหนี้ไป
ดังนั้น การเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่นี้จึงให้สิทธิผู้ถือหุ้นกู้เดิม PTTGC144A ที่ได้ไถ่ถอนไปแล้วเมื่อ เม.ย.ที่ผ่านมาจองซื้อก่อนในวันที่ 28-29 ก.ค.นี้ และผู้ลงทุนทั่วไปจองซื้อตั้งแต่วันที่ 4-7 ส.ค.นี้ โดยบริษัทได้แต่งตั้งธนาคารพาณิชย์ 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ให้เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ดังกล่าว
นายบวรกล่าวต่อไปว่า หุ้นกู้ของ PTTGC เป็นทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นการลงทุนในหุ้นกู้ที่มีอันดับเครดิตสูง มีผลตอบแทนคงที่ และ PTTGC เป็นบริษัทที่มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจเคมีภัณฑ์หลากหลาย ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ต้นน้ำและปลายน้ำ และมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ดังกล่าวที่ระดับ AA (tha) ซึ่งสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจและการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทอีกด้วย
ปัจจุบัน PTTGC มีหนี้สินรวม 1.19 แสนล้านบาท สัดส่วนหนี้เป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐ 48% ที่เหลือเป็นหนี้สกุลบาท 52% ซึ่งแนวโน้มสัดส่วนหนี้จะเป็นสกุลต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มีแผนลงทุนโครงการต่างๆ ในต่างประเทศ อาทิ โครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ ซึ่งจะร่วมทุนกับเปอร์ตามิน่า ที่อินโดนีเซีย โครงการร่วมทุนกับซิโนเคม
ของจีนในการผลิตโพลียูรีเทน โดยตั้งงบลงทุน 5 ปีนี้อยู่ที่ 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ แหล่งเงินทุนมาจากการกู้ยืม 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับทิศทางราคาอะโรเมติกส์พบว่าในปลายไตรมาส 2/2557 ขยับตัวดีขึ้น โดยล่าสุด ราคาพาราไซลีนได้ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ตันละ 1,430 เหรียญสหรัฐ และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบ (สเปรด) อยู่ที่ 450 เหรียญสหรัฐ/ตัน ดีกว่าช่วงไตรมาส 1/2557 ที่พาราไซลีน สเปรดอยู่ที่ 350 เหรียญสหรัฐ เนื่องจากความต้องการใช้ของอุตสาหกรรมโพลีเอสเตอร์ ขณะที่ราคาเบนซีนก็ดีขึ้นเช่นกันอยู่ที่ 1,370 เหรียญสหรัฐ/ตัน ดีขึ้นกว่าไตรมาสแรก 80 เหรียญสหรัฐ/ตัน และสเปรดอยู่ที่ 440 เหรียญสหรัฐ/ตัน สูงกว่าไตรมาส1/2557 สเปรดอยู่ที่ 370 เหรียญสหรัฐ/ตัน
ส่วนราคาเม็ดพลาสติก HDPE พบว่าราคาปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 1,590 เหรียญสหรัฐ/ตัน ดีกว่าไตรมาส 1/2557 ที่ราคาเฉลี่ย 1,500 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่สเปรดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 625 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 620 เหรียญสหรัฐ/ตัน