“บรรยง” หวั่นเศรษฐกิจไทยถดถอยรุนแรงแน่หากไม่แคร์หรือสนใจความเห็นต่างชาติหลังเกิดรัฐประหาร เนื่องจากไทยมีการทำการค้าและบริการกับต่างชาติกว่า 150% ของขนาดเศรษฐกิจ
นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกระแสบางส่วนของสังคมที่เสนอให้ไม่แคร์หรือสนใจความเห็นต่างชาติหลังจากเกิดรัฐประหารขึ้นในไทยเป็นความคิดที่อันตราย เนื่องจากในยุคโลกาภิวัตน์ไทยเป็นประเทศที่เปิดมาก มีการทำธุรกรรมซื้อขายสินค้าและบริการกับต่างประเทศมากกว่า 150%ของขนาดเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ยังมีการลงทุนเชื่อมโยงธุรกิจต่างๆ ดังนั้นความเห็นของต่างชาติเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้ โดยหวังว่าผู้มีอำนาจจะเข้าใจในเรื่องนี้ มิฉะนั้นจะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงได้
ขณะนี้ด่วนเร็วเกินไปที่จะสรุปภาคเศรษฐกิจ ภาคการลงทุน ภาคการค้าทั้งในและต่างประเทศจะเป็นอย่างไรจากผลการทำรัฐประหาร ขึ้นอยู่กับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่าจะทำอะไรบ้าง ทำอย่างไร ใครทำ และกรอบเวลาทำนานแค่ไหน
หลังจากมีการใช้หนี้ค่าจำนำข้าวแก่ชาวนาแล้ว เชื่อว่าระยะสั้นเศรษฐกิจขับเคลื่อนไปได้แน่นอน แต่ต้องคำนึงว่าหลังจากนี้จะดำเนินการอย่างไร ส่วนกระแสบางส่วนจากสังคมให้มีการปลดคณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นั้น ทำไม่ได้เชิงธุรกิจผิดหลักการกำกับดูแลที่ดี (Good Governance) แม้ว่าหน่วยงานของรัฐจะถือหุ้น ปตท.อยู่ 66% แต่อีก 34% เป็นการถือหุ้นจากกองทุน และนักลงทุนรายย่อย หากจะทำก็ต้องเรียกประชุมผู้ถือหุ้นก่อน
วันนี้ (26 พ.ค.) ราคาหุ้น PTT ปิดตลาดที่ 296 บาท/หุ้น ลดลง 8 บาท หรือ -2.63% มูลค่าการซื้อขาย 3.83 พันล้านบาท