ปูนซิเมนต์ไทยคาดปีนี้ความต้องการใช้ปูนในประเทศโตแค่ 2-3%จากปีก่อน เหตุปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง โดย 2 เดือนแรกปีนี้การใช้ปูนโต 4-5% เนื่องจากมีหลายโครงการค้างอยู่ ส่วนวัสดุก่อสร้างวูบติดลบ 7-8% มั่นใจทั้งปีบริษัทฯ มียอดขายโตขึ้น 10%
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) เปิดเผยว่า ในปีนี้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์จะโตขึ้นเพียง 2-3% จากเดิมที่เคยคาดการณ์ว่าโต 9% จากปีก่อนที่มีการใช้ปูนอยู่ที่ 37-38 ล้านตัน ซึ่งในช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ยอดขายของปูนซีเมนต์ยังเติบโตได้ 4-5% เนื่องจากยังมีหลายโครงการที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการจึงยังมีความต้องการใช้ปูนซีเมนต์อยู่ อีกทั้งไตรมาสนี้เป็นช่วงเวลาที่มีการใช้ปูนสูงสุดอยู่แล้ว ขณะที่สถานการณ์การเมืองมีสภาพเช่นปัจจุบัน ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลใหม่คงล่าช้า ส่งผลให้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์น้อยลงในไตรมาส 2-4 นี้ เนื่องจากยังไม่มีโครงการใหม่ของภาครัฐออกมา อีกทั้งการขอส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอก็ลดลงถึง 40% ในช่วง 2 เดือนนี้
สำหรับสินค้าวัสดุก่อสร้างเองก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยช่วง 2 เดือนแรกปีนี้มียอดขายติดลบแล้ว 7-8% คาดว่าทั้งปียอดขายติดลบในอัตราดังกล่าวสอดคล้องภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์
นอกจากนี้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศ (GDP) ที่คาดว่าปีนี้จะโตต่ำกว่า 3% บริษัทฯ จะเน้นการส่งออกผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเกินกว่า 50% โดยได้รับอานิสงส์จากค่าเงินบาทที่อ่อนตัวและราคาปิโตรเคมียังอยู่ระดับที่ดี ทำให้ทั้งปีบริษัทฯ คาดว่าจะมียอดขายรวมโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนที่มียอดขายรวม 4.34 แสนล้านบาท
นายกานต์กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้จะมีความชัดเจนการซื้อกิจการบริษัทที่มีเทคโนโลยี ซึ่งอยู่ในประเทศพัฒนาแล้ว ได้แก่ ญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐฯ เพื่อต้องการเป็นเจ้าของเทคโนโลยีเอง ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ ให้ความสำคัญในด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า (HVA) และผลความผันผวนด้านราคาสำหรับสินค้าเกรดทั่วไป
ทั้งนี้ บริษัทฯ วางงบการลงทุนในช่วง 5 ปี (2557-61) อยู่ที่ 2.5 แสนล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งใช้ในการลงทุนต่อเนื่อง และการซื้อกิจการในต่างประเทศในสัดส่วนใกล้เคียงกัน โดยโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ในอินโดนีเซีย กำลังการผลิต 1.8 ล้านตัน /ปีจะเริ่มเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในกลางปี 2558 เช่นเดียวกับโรงปูนซีเมนต์ที่กัมพูชา โรงที่ 2 กำลังการผลิต 1 ล้านตัน ส่วนโรงปูนซีเมนต์ที่เมียนมาร์กำลังผลิต 1.8 ล้านตัน/ปีจะผลิตได้ในปี 2559
ส่วนความคืบหน้าโครงการร่วมทุนโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ที่เวียดนาม มูลค่า 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าจะสรุปความชัดเจนด้านเงินกู้โครงการนี้ในปลายปี 2557 หลังจากนั้นจะเริ่มดำเนินการหาผู้รับเหมาและก่อสร้างในปี 2558 และแล้วเสร็จผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2562
ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ในเวียดนามดีขึ้นมากหลังรัฐบาลเข้ามาแก้ไข ทำให้สถาบันการเงินต่างชาติให้ความเชื่อมั่น จากเดิมที่เป็นห่วงภาคธนาคารของเวียดนาม รวมทั้งค่าเงินด่งของเวียดนามก็นิ่งมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว
โครงการนี้ดังกล่าว กลุ่มปูนซิเมนต์ไทยถือหุ้นใหญ่ 46% เวียดนาม 29% และกาตาร์ อินเตอร์เนชันแนล 25%