SCC ตั้งเป้ายอดขายทั้งปีโตได้แค่ 3% ตามทิศทางอสังหาริมทรัพย์ เปิดแผน 5 ปี อัดงบลงทุน 2.5 แสนล้าน โดยจะเป็นการลงทุนโครงการเอง และการเข้าซื้อกิจการ สัดส่วนอย่างละครึ่ง
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยว่า บริษัทมียอดขายของปูนซีเมนต์ในช่วง 2 เดือนที่อยู่ที่ 4-5% แต่เป็นอัตราต่ำกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโตประมาณ 9% โดยเป็นการเติบโตจากหลายโครงการยังค้างท่ออยู่หรือยังอยู่ระหว่างดำเนินการจึงยังมีความต้องการใช้ปูนซีเมนต์
ทั้งนี้ SCC คาดว่าทั้งปี 57 ยอดขายของปูนซีเมนต์จะเติบโตประมาณ 2-3% จากเดิมที่คาดโต 9% ส่วนยอดขายสินค้าวัสดุก่อสร้างก็ปรับตัวลงอย่างเห็นได้ชัด โดยในช่วง 2 เดือนแรกยอดขายติดลบ 7-8% และคาดว่าทั้งปีก็คงจะติดลบ 7-8% ตามภาวะอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม ยอดขายปิโตรเคมีที่บริษัทส่งออกในสัดส่วนเกิน 50% ปีนี้ และราคาตลาดโลกอยู่ในระดับที่ดี อีกทั้งเงินบาทอ่อนตัวก็จะช่วยให้รายได้บริษัทมากขึ้น จึงเชื่อมั่นว่ายอดขายรวมในปี 57 ยังจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนที่มียอดขายรวม 4.34 หมื่นล้านบาท
สำหรับแผนการลงทุนในช่วง 5 ปีนี้ (57-61) จะใช้งบลงทุน 2.5 แสนล้านบาท หรือเฉลี่ยลงทุนปีละ 5 หมื่นล้านบาท โดยจะเป็นการลงทุนโครงการเอง และการเข้าซื้อกิจการ (M&A) สัดส่วนอย่างละครึ่ง โดยในส่วนการลงทุนเองช่วงกลางปี 58 จะเริ่มเดินเครื่องโรงงานปูนซีเมนต์ในอินโดนีเซีย ขนาดกำลังการผลิต 1.8 ล้านตัน/ปี และโรงงานปูนซีเมนต์ ในกัมพูชาแห่งที่ 2 กำลังการผลิต 1 ล้านตัน/ปี ส่วนโรงงานปูนซีเมนต์ในพม่า ที่มีกำลังการผลิต 1.8 ล้านตัน/ปี จะเปิดเดินเครื่องการผลิตได้ในปี 59
รวมทั้งการลงทุนในโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในเวียดนาม คาดว่าจะสรุปความชัดเจนเกี่ยวกับเงินกู้ในโครงการนี้ได้ในปลายปีนี้ และจะเริ่มก่อสร้างได้ในปีหน้า ซึ่งจะใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี และจะเริ่มผลิตได้ในปี 62 ทั้งนี้ เดิมตั้งวงเงินลงทุน 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยโครงการนี้ SCC ถือหุ้นใหญ่ 46% ปิโตรเคมีเวียดนาม 29% และกาตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล 25%
นอกจากนี้ SCC มองหาการเข้าซื้อกิจการบริษัทที่มีเทคโนโลยีในประเทศพัฒนาแล้ว ได้แก่ ญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐฯ เพื่อให้บริษัทเป็นเจ้าของเทคโนโลยีเอง คาดว่าปีนี้น่าจะได้ข้อสรุป
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยว่า บริษัทมียอดขายของปูนซีเมนต์ในช่วง 2 เดือนที่อยู่ที่ 4-5% แต่เป็นอัตราต่ำกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโตประมาณ 9% โดยเป็นการเติบโตจากหลายโครงการยังค้างท่ออยู่หรือยังอยู่ระหว่างดำเนินการจึงยังมีความต้องการใช้ปูนซีเมนต์
ทั้งนี้ SCC คาดว่าทั้งปี 57 ยอดขายของปูนซีเมนต์จะเติบโตประมาณ 2-3% จากเดิมที่คาดโต 9% ส่วนยอดขายสินค้าวัสดุก่อสร้างก็ปรับตัวลงอย่างเห็นได้ชัด โดยในช่วง 2 เดือนแรกยอดขายติดลบ 7-8% และคาดว่าทั้งปีก็คงจะติดลบ 7-8% ตามภาวะอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม ยอดขายปิโตรเคมีที่บริษัทส่งออกในสัดส่วนเกิน 50% ปีนี้ และราคาตลาดโลกอยู่ในระดับที่ดี อีกทั้งเงินบาทอ่อนตัวก็จะช่วยให้รายได้บริษัทมากขึ้น จึงเชื่อมั่นว่ายอดขายรวมในปี 57 ยังจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนที่มียอดขายรวม 4.34 หมื่นล้านบาท
สำหรับแผนการลงทุนในช่วง 5 ปีนี้ (57-61) จะใช้งบลงทุน 2.5 แสนล้านบาท หรือเฉลี่ยลงทุนปีละ 5 หมื่นล้านบาท โดยจะเป็นการลงทุนโครงการเอง และการเข้าซื้อกิจการ (M&A) สัดส่วนอย่างละครึ่ง โดยในส่วนการลงทุนเองช่วงกลางปี 58 จะเริ่มเดินเครื่องโรงงานปูนซีเมนต์ในอินโดนีเซีย ขนาดกำลังการผลิต 1.8 ล้านตัน/ปี และโรงงานปูนซีเมนต์ ในกัมพูชาแห่งที่ 2 กำลังการผลิต 1 ล้านตัน/ปี ส่วนโรงงานปูนซีเมนต์ในพม่า ที่มีกำลังการผลิต 1.8 ล้านตัน/ปี จะเปิดเดินเครื่องการผลิตได้ในปี 59
รวมทั้งการลงทุนในโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในเวียดนาม คาดว่าจะสรุปความชัดเจนเกี่ยวกับเงินกู้ในโครงการนี้ได้ในปลายปีนี้ และจะเริ่มก่อสร้างได้ในปีหน้า ซึ่งจะใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี และจะเริ่มผลิตได้ในปี 62 ทั้งนี้ เดิมตั้งวงเงินลงทุน 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยโครงการนี้ SCC ถือหุ้นใหญ่ 46% ปิโตรเคมีเวียดนาม 29% และกาตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล 25%
นอกจากนี้ SCC มองหาการเข้าซื้อกิจการบริษัทที่มีเทคโนโลยีในประเทศพัฒนาแล้ว ได้แก่ ญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐฯ เพื่อให้บริษัทเป็นเจ้าของเทคโนโลยีเอง คาดว่าปีนี้น่าจะได้ข้อสรุป