“ประภัสร์” ยอมรับ พ.ร.บ. 2 ล้านล้านขัดรัฐธรรมนูญ กระทบการพัฒนาระบบรางเกือบทั้งหมด เตรียมรวบรวมข้อมูลเสนอรัฐบาลชุดใหม่ช่วยผลักดัน เชื่อประเทศแค่เสียเวลาแต่ยังไม่เสียโอกาส ส่วนทางคู่ 5 เส้นติดกรรมการสิ่งแวดล้อมยังไม่อนุมัติประมูล ยันเดินหน้าซื้อหัวจักรใหม่ตามแผนปี 57 รับมอบ 20 คัน ส่วน 50 คันขายซองประมูลปลาย มี.ค.นี้
นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยถึงกรณี พ.ร.บ.การให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 2 ล้านล้านบาทขัดรัฐธรรมนูญว่า ได้ส่งผลกระทบต่อโครงการใหม่ทั้งหมดของ ร.ฟ.ท.ที่บรรจุอยู่ใน พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ซึ่งในส่วนของ ร.ฟ.ท.จะไม่มีการยกเลิกโครงการใดๆ เพราะทุกโครงการมีความจำเป็นต่อการพัฒนาระบบรางของประเทศและรองรับการเปิด AEC เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางในภูมิภาคเพิ่มขีดความสามมรถในการแข่งขัน และให้ไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน โดยจะนำเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่ตัดสินใจและหาแหล่งเงินลงทุนโครงการใหม่ ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะเห็นความสำคัญและผลักดันต่อไป
“หากใช้งบประมาณแผ่นดินมาดำเนินโครงการ หรือกู้เงินด้วยวิธีเดิมค่อนข้างยากที่จะสำเร็จ เพราะกรอบวงเงินงบประมาณแต่ละปีมีจำกัด ส่วน พ.ร.บ.หนี้สาธารณะมีเพดานอาจจำเป็นต้องหาแหล่งเงินด้วยวิธีอื่น ซึ่งหลักการของ พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาทมีที่ดีมากถ้าไม่ถูกบิดเบือนไปเป็นเรื่องอื่น และยังถูกครหาเรื่องทุจริตคอร์รัปชันอีก ซึ่งถ้ากลัวแล้วไม่ทำอะไรเลยจะยิ่งทำให้เสียโอกาสมากขึ้น ตอนนี้ผมเชื่อว่าเรายังไม่เสียโอกาส แต่เราแค่เสียเวลา เพราะหากรัฐบาลชุดใหม่มาแล้วยังเห็นความสำคัญ โครงการเหล่านี้ก็มีโอกาสเดินต่อ แต่จะเสียโอกาสหากไม่เห็นความสำคัญเพราะจะยิ่งกระทบความเชื่อมั่น เช่น จีนมีแผนจะเชื่อมระบบรางผ่านลาว-ไทย-มาเลเซีย-สิงคโปร์ ถ้าไทยไม่ทำรถไฟจีนก็อาจเปลี่ยนไปใช้ทางเรือ ลงทุนกองเรือ แล้วถ้าต่อไปไทยจะกลับมาทำรถไฟอีกจีนก็คงไม่กลับมาผ่านไทยแล้ว” นายประภัสร์กล่าว
นายประภัสร์กล่าวเพิ่มเติมถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม จากนั้นจะเสนอกระทรวงการคลังเพื่อดำเนินการเรื่องเงินกู้ให้ และต้องขออนุมัติจาก ครม. แต่เชื่อว่าหากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อนุมัติจะสามารถเดินหน้าเรื่องการกู้เงินได้ เพราะโครงการนี้ได้รับความเห็นชอบจาก ครม.มาก่อนแล้ว และถ้าพร้อมจะเปิดประมูลพร้อมกันทั้ง 5 เส้นทาง
สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ทั้ง 5 เส้นทาง ประกอบด้วย 1. รถไฟทางคู่ สายชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 187 กิโลเมตร ใช้เงินจาก พ.ร.บ.เงินกู้ 29,221.28 ล้านบาท และใช้เงินจากงบประมาณ 120 ล้านบาท 2. สายมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร ใช้เงินจาก พ.ร.บ. เงินกู้ 21,196.07 ล้านบาท ใช้เงินจากงบประมาณ 113.55 ล้านบาท
3. สายลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กิโลเมตร ใช้เงินจาก พ.ร.บ.เงินกู้ 16,215.10 ล้านบาท ใช้เงินจากงบประมาณ 76.30 ล้านบาท 4. สายนครปฐม-หนองปลาดุก-หัวหิน ระยะทาง 165 กิโลเมตร ใช้เงินจาก พ.ร.บ.เงินกู้ 20,833.43 ล้านบาท ใช้เงินงบประมาณ 107.17 ล้านบาท 5. สายประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร ใช้เงินจาก พ.ร.บ.เงินกู้ 17,683.82 ล้านบาท ใช้เงินจากงบประมาณ 120 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ร.ฟ.ท.จะเร่งเดินหน้าจัดหาหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้าขนาดน้ำหนักกดเพลา 20 ตันต่อเพลา จำนวน 20 คันพร้อมอะไหล่ วงเงิน 2,022 ล้านบาท ซึ่งบริษัท ป่าไม้สันติ จำกัด จะเริ่มทยอยส่งมอบ 2 คันในเดือนมิถุนายนนี้ และจะรับมอบได้ครบภายในสิ้นปี 2557 ส่วนการจัดซื้อหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้าพร้อมอะไหล่ทดแทน GE จำนวน 50 คัน วงเงิน 6,562 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดขายเอกสารประกวดราคาได้ปลายเดือนมีนาคมนี้ ส่วนการปรับปรุงหัวรถจักร 56 คันวงเงินกว่า 3,300 ล้านบาทนั้นกำลังประเมินความคุ้มค่ากับแนวทางการซื้อใหม่ นอกจากนี้จะใช้วิธีการเช่าหัวรถจักรจำนวน 20 คันเพิ่มเติมด้วย โดยอยู่ระหว่างการประเมินข้อมูลก่อนสรุป ซึ่งการมีหัวรถจักรใหม่จะเพิ่มศักยภาพในการเดินรถระดับหนึ่ง แต่ยังไม่เต็มที่เพราะยังขาดรถไฟทางคู่และระบบอาณัติสัญญาณอัตโนมัติ ซึ่งเป็นโครงการใน พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท